วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

Political Marketing: 10 อันดับ นักการเมืองไทยมหานิยม

สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้อง วันนี้นึกครึ้มอยากจะเขียน เกี่ยวกับนักการเมืองไทยในมุมมองด้านการตลาด ดูสักครั้ง

โดยจะทำการจัดอันดับ นักการเมืองที่สร้างวีรกรรมไว้ มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก มีความโดดเด่น และยังอยู่ในกระแสสังคม

ซึ่งจะใช้หลัก Google Search เป็นเกณฑ์ในการวัดความนิยม ประกอบกับผลงานที่ผ่านมา

มาดูกันครับ รางวัลนักการเมืองไทยมหานิยม จะเป็นของใครกันบ้าง
.
.

อันดับที่ 10: การุณ โหสกุล (Google: 408,000 รายการ)

คุณเก่ง การุณ โหสกุล ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย

หากใครติดตามข่าวคราวของชายผู้นี้ ก็จะทราบถึงวีรกรรมที่โดดเด่นของเค้านั้นก็คือ...

การกระโดดถีบ ส.ส. พรรคอื่น ในรัฐสภา จนเป็นที่มาของฉายา เก่ง Sky Kick

และก็มีข่าวแนวๆ นักเลง มาอย่างต่อเนื่อง จนมาดังอีกครั้ง ตอนโดนต่อย เมื่อครั้งน้ำท่วม โดยเก่งได้ขับขี่เจ็ตสกีกลางถนนที่น้ำท่วม แล้วคลื่นไปโดนชาวบ้านที่กำลังฝ่าน้ำท่วมอยู่ ชาวบ้านโมโหจึงเข้าไปต่อยซะเก่งเละ ซึ่งก่อนหน้านั้น เก่ง ก็เพิ่งโดนถีบ จาก ส.ส. หญิง พรรคอื่น ในช่วงน้ำท่วมกรุง เช่นกัน

จาก Character ของเก่งแล้ว เป็นที่จดจำได้ง่าย ออกแนวนักเลง ที่อัดเค้าบ้าง โดนเค้าอัดบ้าง มีข่าวอยู่เรื่อยๆ

สรุป: สร้างชื่อเสียงและความโดดเด่นสำเร็จ จากการขยันทำ PR ผ่านข่าวหน้าหนึ่ง (โดยจะเป็นข่าวฉาวซะหมด ซึ่งได้รับความนิยมจากชาวบ้าน) และทำอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
อันดับที่ 9: ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ (Google: 528,000 รายการ)

คุณชูวิทย์ หรือเสี่ยอ่าง เป็นนักการเมืองที่มีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเล่นการเมืองสไตล์ใหม่ ด้วยการกำหนดจุดยืนที่ชัดเจนมาตลอด... นั้นก็คือ จอมแฉ ... นั้นเอง

ชูวิทย์เป็นที่รู้จักตั้งแต่ ปี 2546 เมื่อครั้งโดนอุ้มและถูกปล่อยตัวออกมา ปฏิบัติการเอาคืนของคนอย่างเค้าจึงเกิดขึ้น ชูวิทย์เรียกนักข่าวมาเตรียมแฉกลับเรื่องส่วยตำรวจ ผมจำได้ว่าเป็นสถิติการขึ้นหน้าหนึงของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐติดต่อกันกว่า 1 เดือน ด้วยการปล่อยอักษรย่อ วันละตัว

ต่อมาได้ ตัดสินใจลงสมัครผู้ว่า กทม. ผมจำได้อีกเช่นกัน ลีลาการหาเสียง ที่เรียกความสนใจจากนักข่าว ชาวบ้าน และวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะสอบตก แต่ก็ได้ไปถึงสามแสนกว่าเสียง

จนปัจจุบัน ก่อตั้งพรรครักประเทศไทย ได้ ส.ส. เข้าไป 4 เสียง ด้วยจุดขาย "ผมขอเป็นฝ่ายค้าน"

สรุป: ชูวิทย์กำหนดจุดยืนตัวเองได้ชัดเจนตลอด มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำแต่ละแคมเปญ ความคิดสร้างสรรเกี่ยวกับงานสื่อสาร เช่น โฆษณา ประชาสัมพันธ์ นำเสนอได้ดีเยี่ยม สุดยอดนักการตลาดคนหนึ่งในวงการการเมืองไทยครับ
อันดับที่ 8: บรรหาร ศิลปอาชา (Google: 616,000 รายการ)

คุณบรรหาร หรือหลงจู๊ (ฉายา) คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณของแบรนด์นี้กันมาก เนื่องด้วยหลายยุค หลายสมัยพรรคของคุณบรรหาร น้อยครั้งมากที่จะไม่ได้เป็นรัฐบาล จนได้รับสมญานามว่า ปลาไหล ซึ่งมาจากความลื่นไปได้เรื่อยๆ นั้นเอง คุณบรรหารสร้างสิ่งที่เรียกว่า ผลงานไว้มากมายจริงๆ ในเมืองบ้านเกิดของเค้า นั้นก็คือ สุพรรณบุรี มีทั้งถนนชั้นดี โรงเรียน โรงพยาบาล ศูนย์ท่องเที่ยว ฯลฯ

สรุป: แบรนด์คุณบรรหาร แข็งแกร่งมากในจังหวัดสุพรรณ ด้วยแนวทางการทำการตลาดแบบ Localized Marketing ยึดเอาความต้องการของคนท้องถิ้นเป็นหลัก ซึ่งก็คือ ความเจริญและความกินดีอยู่ดี ของคนในจังหวัดนั้นเอง

อันดับที่ 7: เนวิน ชิดชอบ (Google: 878,000 รายการ)

คุณเนวิน หรือฉายา "ยี่ห้อยร้อยยี่สิบ" เป็นนักการเมืองอีกคน ที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย จนมาค้นพบตัวเองเจอ และสร้างจุดยืนที่แข็งแกร่งขึ้น จนกลายเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมืองในบ้านเราด้วยระยะเวลาอันสั้น คุณเนวิน มีจุดแข็งประการหนึ่งนั้นก็คือ การเป็นคนใจถึง พึ่งได้ และกล้าได้ กล้าเสีย จนมีพรรคพวกที่พร้อมจะติดตามเกิดขึ้นมากมาย แต่สุดท้ายก็เดินทางพลาดไปกับคณะทหาร ช่วงนี้เลยต้องเงียบไป ทำทีมบอลแต่เพียงอย่างเดียว

สรุป: จริงๆ แล้ว คุณเนวินไม่ได้ขยันจะเป็นข่าว แต่ข่าวฉาวและข่าวการเมืองวิ่งเข้ามาหาเค้าเอง ในฐานะผู้มีอิทธิพลทางการเมืองคนหนึ่ง มองในมุมการตลาดแล้ว สไตล์นักเลงบ้านนอก ที่ใจถึง พึ่งได้ บางวันเป็นคนดี และบางวันก็เป็นคนเลว ยังถูกอกถูกใจชาวบ้านและสื่อซื้อไปขายอยู่ นอกจากนั้นตอนนี้คุณเนวินยังขยันทำ Localized Marketing ที่บุรีรัมย์ ผ่านสโมสรฟุตบอลซะด้วย แล้วฐานเสียงบุรีรัมย์จะหายไปได้อย่างไร
อันดับที่ 6: อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (Google: 939,000 รายการ)

คุณอภิสิทธิ์ หรือพี่มาร์ค หรือโอบามาร์ค นักการเมืองหนุ่มที่มีความเพรียบพร้อมไปทุกด้าน พาตัวเองขึ้นสู่จุดสูงสุดของอาชีพนักการเมืองด้วยตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยอายุเพียง 44 ปี จุดหนึ่งที่พี่มาร์คทำได้เสมอตนเสมอปลายนั้นก็คือ ภาพลักษณ์เรื่องนักการเมืองน้ำดี ไม่โกงกิน ทำเพื่อบ้านเมือง ว่ากันง่ายๆ มาสไตล์พระเอกช่อง 7 ที่เพรียบพร้อมจริงๆ แต่ก็มีจุดอ่อนที่ถูกโจมตีตลอดคือ ทำงานไม่เป็น ดีแต่พูด

โอบามาร์ค ในแง่มุมนักการตลาดแล้ว จัดได้ว่าเป็น Premium Brand แบบ Benz หรือ Louis Vuitton เลยทีเดียว มีภาพลักษณ์ที่ดีมาก จะเป็นกลุ่มชั้นกลางถึงบน (Medium to Upper) ที่ชื่นชอบ แต่อย่างหนึ่งที่ต้องพึงระวังก็คือ บ้านเราฐานเสียงส่วนใหญ่เป็นชั้นล่างถึงกลาง (Lower to Medium) มากกว่า เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจหาก พรรค ปชป. จะมาได้แค่นี้ เพราะในแง่การทำตลาดแล้ว ถือว่าพรรคนี้ สอบตกในทุกๆ เรื่องจริงๆ ทั้งแคมเปญหาเสียง ทั้งการสื่อสาร ไม่โดนใจชาวบ้านเลย

สรุป: คุณอภิสิทธิ์สอบผ่านในการพิสูจน์ตัวเองผ่านกาลเวลา ว่าเป็นของแท้ Premium Brand จริงๆ หาจุดบกพร่อง ด่างพร้อย แถบไม่มี เป็น Magnet หรือแม่เหล็กที่ดึงดูดสื่อได้ตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องทำงานหนักต่อ นั้นก็คือเรื่องการตลาด ที่ควรจะ Re-Branding พรรค ปชป. อย่างจริงจังซะที

อันดับที่ 5: เฉลิม อยู่บํารุง (Google: 1,850,000 รายการ)

คุณเฉลิม หรือฉายา "เป็ดเหลิม" ผู้ที่คว่ำหวอดในวงการเมืองบ้านเรามานาน มีทั้งจังหวะขึ้นสุดๆ และลงสุดๆ และกลับมาขึ้นได้อีกครั้ง ด้วยตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในปัจจุบัน

ถ้ากล่าวถึงตระกูลอยู่บำรุง คงไม่พ้นที่เป็นกระแสสังคมในอดีต เรื่องการยิงดาบยิ้มเสียชีวิต ของลูกชายสุดที่รักของคุณเฉลิม คดีนี้ทำให้ถูกสังคมประณามอย่างหนัก และทำให้อนาคตทางการเมืองของคุณเฉลิมเกือบดับวูบ

จุดแข็งของคุณเฉลิมคือ ฝีปากและคอนเน็กชั่นที่มีอยู่ ในแง่การตลาด เฉลิมมีสีสันคล้ายๆ ชูวิทย์ คือเวลาพูดแล้วมีคนอยากฟัง มีคนสนใจ ด้วยลีลาและท่าทาง

สรุป: คุณเฉลิม สามารถเรียกร้องความสนใจจากสื่อมวลชนและสังคมได้อยู่ตลอดเวลา แต่จุดที่ต้องระวังคือ เรื่องครอบครัวที่ไม่ควรผลักดันให้เข้ามาทำงานการเมือง เพราะกระแสสังคมจะตีกลับอยู่ตลอดเวลา จะทำให้ภาพลักษณ์ดูแย่ ถึงแย่ที่สุด จนกู่ไม่กลับ (จากปัจจุบันที่คน ยี้ กันทั้งบ้านทั้งเมืองอยู่แล้ว)
อันดับที่ 4: ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (Google: 6,620,000 รายการ)

คุณยิ่งลักษณ์หรือ นายกปู จัดได้ว่าเป็น Mass Brand ที่ดูดี คล้ายๆ กับเป็ปซี่ คือสามารถเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกระดับ และคนทุกระดับเอื้อมถึง จับต้องได้ จึงไม่แปลกที่กระแสนายกปู จะกระแสแรงไม่หยุด

นายกปู จริงๆ แล้ว ถือว่าเป็นนางเอกที่เล่นตามสคริปได้ดีมาก ทุกอย่างเป๊ะตามบทผู้กำกับตลอด และต้องยกนิ้วให้ในความอดทนจริงๆ ต่อให้โดนขนาดไหน ก็ยังเงียบ ยังทนได้ บทแบบนางเอกดาวพระศุกร์จริงๆ แบบนี้จะไม่ให้ชาวบ้าน รักได้อย่างไร คนไทยออกจะขี้สงสาร

สรุป: นายกปู ยังไปได้อีกไกลในอนาคตข้างหน้า ถ้าใช้ศัพท์การตลาดก็จัดเป็น Rising Star Product เลยทีเดียว ขอให้ทำงานเพื่อประเทศชาติจริงๆ มีผลงาน รับรองจะให้เลือกอีกกี่ครั้ง นายกปู ก็ได้
อันดับที่ 3: ทักษิณ ชินวัตร (Google: 12,200,000 รายการ)

ทักษิณชื่อที่มีคนรักและคนเกลียด อยู่ทั่วประเทศ คุณทักษิณถือว่าเป็นเจ้าพ่อการตลาดระดับโคตรเซียนจริงๆ ตลอดระยะเวลาที่เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2544 จนถึงโดนปฏิวัติปี 2549 จนปัจจุบันปี 2555 ชื่อของเค้าไม่เคยจางหายไปไหน มีอยู่ในกระแสตลอดทั้งสื่อภายในและสื่อภายนอกประเทศ

ทักษิณพาตัวเอง ถึงจุดที่เรียกได้ว่า เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีสื่อต่างประเทศระดับหัวกะทิมากมายมาสัมภาษณ์้เค้าเช่น TIME, CNN, BBC, etc.

ซึ่งในแง่การตลาดแล้ว วันนี้แบรนด์ทักษิณเปรียบเหมือนแบรนด์แหนมป้าย่น คนต่างจังหวัด ชาวบ้านชอบ คนเมืองบางคนชอบ แต่ไม่กล้าแสดงออก และคนเมืองบางคน ไม่ชอบและไม่แม้แต่จะลองทาน

สรุป: คุณทักษิณไม่ต้องพูดกันเยอะ เรื่องกลยุทธ์การตลาด เรื่องการสื่อสารการตลาด จัดให้เป็นตัวพ่อจริงๆ ยิ่งไปว่านั้น เค้าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการกำเนิดคณะมวลชนที่เรียกว่า เสื้อเหลืองและเสื้อแดงอีกด้วย

อันดับที่ 2: เสื้อแดง (Google: 20,100,000 รายการ)

มวลชนคนเสื้อแดงเป็นการรวมตัวกันของคน ที่ต้องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อทักษิณ และเพื่ออื่นๆ ตามที่มุ่งหวัง ปัจจุบันจุดยืนของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชัดเจนคือ การปฏิรูปเพื่อให้เกิดประชาธิปไตยจริงๆ ซึ่งนั้นคือสิ่งที่พวกเค้าประกาศ แต่ส่วนที่มากกว่านั้น ก็ต้องรอดูกันต่อไป

มวลชนเป้าหมายของคนเสื้อแดงจะเป็นชาวต่างจังหวัด ที่อยู่ในระดับล่างถึงกลาง (Low to Middle Class) โดยคนเหล่านี้ ถ้าพูดกันตรงๆ คือจะถูกชักจูงได้ง่าย จากเรื่องเงินหรืออุดมการณ์เรื่องการกินอยู่ที่ดีขึ้นในอนาคต

แต่นอกจากมวลชนแล้ว เสื้อแดงยังมีกลุ่มคนระดับปัญญาชนที่คอยขับเคลื่อนแนวความคิดอยู่ และมีแกนนำที่ดูเข้ากับฐานมวลชนได้เป็นอย่างดี

สรุป: เสื้อแดงยังจะคงอยู่ต่อไป ตราบเท่าที่คุณทักษิณยังอยู่ เพราะการจะก้าวข้ามคุณทักษิณนั้นเป็นไปได้ยากมาก การตลาดโดยรวมของคนเสื้อแดง ก็จัดได้ว่าขั้นเทพ เพราะเต็มไปด้วยสื่อแบบ Mass (Cable TV, หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร) รวมถึงสื่อแบบ Below The Line (การจัด Event ที่โบนันซ่า และคอนเสิร์ตตามจังหวัดเป้าหมายต่าง) อยู่ตลอด เล่นกันแบบกระแสแรงดี ไม่มีตก เพราะเงินถึง อิอิ

อันดับที่ 1: เสื้อเหลือง (Google: 23,600,000 รายการ)

เสื้อเหลืองคือ มหากาพย์แห่งการเมืองข้างถนนของจริง เสื้อเหลืองเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนระดับกลางถึงสูง (Middle to High Class) ซึ่งมาลงแขกสามัคคีกัน ช่วงแรกในนามคนไม่เอาทักษิณ ต่อมาก็ขยายแนวร่วมออกจนกลายเป็นกองทัพพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่

ด้วยความที่เป็นม็อบมีเส้นด้วย ทำอะไรไม่ผิด คนเลยร่วมวงกันเยอะ ผลงานเพียบคือ ล้มมาแล้ว 3 รัฐบาลของคุณทักษิณ แต่ปัจจุบันด้วยแกนนำ ที่เดินเกมผิดพลาด ออกนอกลู่นอกทาง ไปตั้งพรรคเองบ้าง (ลงเลือกตั้งก็ไม่มีใครเลือก จนถึงมารณรงค์ No Vote) หรือเงียบๆ เก็บตัวกันไปบ้าง ทำให้พลังแผ่วลงจนหน้าใจหาย

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดเหตุจริงๆ เสื้อเหลืองแท้ (คนที่รักและเถิดถูนสถาบัน) ก็น่าจะรวมตัวกันได้ และเกิดพลังที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง เพราะส่วนใหญ่เป็นพลังแท้ ที่ไม่ได้ใช้เงินซื้อมา

สรุป: เสื้อเหลืองจัดว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของการทำตลาดแบบ Attraction Marketing หรือการตลาดแบบดึงดูด ซึ่งดึงดูดผู้คนด้วยหลักการ อุดมการณ์ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายจริงๆ ก็เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ จึงสามารถแยกแยะถูกผิด เหตุผลต่างๆ ได้เองเป็นอย่างดี และตัดสินใจเข้าร่วมเอง ... จึงเป็นการตลาดแบบ Attraction จริงๆ ซึ่งถ้าโตต่อด้วย Viral Marketing แล้วละก็ จะสร้างกระแส สร้าง Trend ได้อย่างมหาศาล แบบหลักหมื่น หลักแสนคน ได้จริงๆ
.
.
.
สุดท้ายการเมืองไทย ดูไปก็เหมือนละคร ใครแสดงได้โดนใจชาวบ้านมากกว่า คนนั้นก็ได้เสียงไปครอบครอง เพราะฉะนั้นถ้าจะมองกันอย่างนักการตลาดจริงๆ แล้วละก็ วันนี้และวันข้างหน้า หากนักการเมืองท่านใด ไม่สามารถสร้างชื่อเสียง จุดยืน กลุ่มเป้าหมาย พื้นที่ทางการตลาด และแบรนด์ ได้แล้วละก็ ถ้าจะไปต่อในระยะยาวยากครับ จะมีแต่เปลื้องตังค์และหมดตัวอย่างเดียว เชื่อผมสิ


Wikran M.

ติดตามบทความของผมต่อได้ทุกวันที่... 



Zaa Network: สิ่งที่ Free TV ทำไม่ได้

ประชาชนชาวไทยเริ่มรู้จัก Cable TV มาสักพัก ทั้งจานดำ จานส้ม และจานต่างๆ อีกมากมาย

สิ่งที่ Cable TV มีคือ อิสระในการนำเสนอเรื่องราว ที่มากกว่าจะนำเสนอผ่าน Free TV (ช่อง 3, 5, 7 และ 9) และการนำเสนอเรื่องราวเฉพาะกลุ่มได้จริงๆ เช่น ช่องกีฬา ช่องฟังเพลง ช่องดูหนัง และช่องหนุ่มๆ

ซึ่งลักษณะนี้ จะทำให้ต่อไป สามารถนำเสนอแบรนด์ถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงกลุ่ม เหมือนวิทยุและนิตยสาร ... รอแค่เวลาที่ Cable TV จะเข้าถึงประชากรชาวไทยได้ทั่วประเทศเท่านั้นเอง (ถ้าติดตั้ง Cable ในราคาที่ถูกแสนถูก หรือให้ติดฟรีไปเลย รับรอง Cable TV เกิดทั่วประเทศแน่นอน)
.
.
.
ช่อง Zaa Network เป็นหนึ่งในช่อง Cable ที่น่าจับตามอง

Zaa Network ต่อยอดมาจาก Content เดิมทีีทำอยู่คือ Allure Magazine

มาดูแนวของ Allure กันครับ



Allure เริ่มดังจาก Online Magazine ที่อิงกับเวบดัง MThai และต่อยอดเป็นรูปเล่มขายตามร้านหนังสือ

Allure มีคู่แข่งระดับโลกมากมายทั้ง FHM, Maxim และ RUSH

แต่ก็ยังมีที่ว่างพอ สำหรับการนำเสนอ Content ที่มีระดับ ...

ซึ่ง Content ที่ว่าก็คือ สาวๆ หน้าใหม่ในสังกัด การถ่ายภาพและคอนเซ็ปที่โดนใจ

ปัจจุบันก็ต่อยอดไปถึง Zaa Network ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน นั้นก็คือ หนุ่มๆ 18+ นั้นเอง

ถึงแม้ปัญหาเรื่อง Rating ยังคงมีอยู่ สำหรับช่อง Cable (ไม่รู้จะตรวจสอบอย่างไร ว่ามีคนดูกี่คน และมีความนิยมขนาดไหน)

แต่ก็อย่าไปเชื่อพวก Free TV Rating มากครับ เอาเข้าจริงๆ เค้าเข้าไปสุ่มกลุ่มตัวอย่างแค่ พันกว่าครัวเรือน ในการตรวจสอบ Rating เท่านั้นเอง จริงๆ ผมว่าช่อง 3 แซงช่อง 7 ตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังบอกกันว่าช่อง 7 มี Rating ดีที่สุด

ไม่ต้องแปลกใจครับ เพราะเรื่องของ Rating มันเกี่ยวกับเม็ดเงินมหาศาลของเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่อยากจะโฆษณาคนทั้งประเทศครับ

ในอนาคตหลายๆ ท่านก็คงคิดเหมือนผมว่า Cable TV มาแน่นอน จากจำนวนติดจานสีต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นทุกปี และสำหรับหัวข้อวันนี้ มาดูกันครับว่า Zaa Network เค้ามีอะไร ที่ Free TV ทำไม่ได้ ... ^^

ทำไม่ได้จริงๆ .....

สุดท้ายไม่เกี่ยวกับ Zaa Network แต่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว กับพริตตี้เงินล้าน น้องสต็อปครับ !!!



แล้วพบกันใหม่ เร็วๆ นี้ครับ

Wikran M.

ติดตามบทความของผมต่อได้ทุกวันที่... 



วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555

ยากูซ่า ... ชาคูลล์ซ่า ... Chakuza


หลายๆ ท่าน คงเคยได้ยินเรื่องราวของยากูซ่า ประทเศญี่ปุ่น ที่มีความน่าสนใจ น่าค้นหา น่าติดตาม ...




วันนี้ มีเครื่องดิ่มชาเขียวแบรนด์ใหม่ ได้ผสมผสาน คอนเซ็ปของยากูซ่า เข้ามาคล้องจองกับชา ออกมาเป็น Chakuza ที่อ่านเป็นไทยว่า ชา-คูลล์-ซ่า

ซึ่งถ้าในแง่คอนเซ็ป ผมถือว่า มีความคิดสร้างสรรค์ดีมาก คือทั้งเล่นคำให้จำง่าย และบ่งบอกถึงสรรพคุณสินค้าไปในตัว นั้นก็คือ ชาผสมโซดา ดื่มแล้วจะ คูลล์ (เย็น) และซาบซ่า (จากโซดา)

และการนำเสนอก็ทำล้อไปกับ Theme ยากูซ่า ที่มาจากญี่ปุ่น ทั้ง Packaging และสื่อต่างๆ (ที่ผมชอบคือ สื่อที่ Paint ตามกำแพง)
นอกจากนั้น ยังมีการจัด Event ที่มุ่งไปแนวญี่ปุ่นอีกเช่นกันนั้นก็คือ การจัด Concert วงที่เป็นที่รู้จักและนิยมในเมื่องไทย เช่น X-Japan และ L'Arc~En~Ciel

รวมถึงกิจกรรม (Activity) เช่น Cosplay ที่รู้กันในวงการว่า เป็นการแต่งตัวเลียนแบบญี่ปุ่น

ทั้งหมดทั้งปวง คือความพยายามที่เป็นรูปธรรมของ Chakuza ในช่วงที่ผ่านมา

ตัวผมเองก็ได้ลองทานแล้ว ก็รู้สึก โอเค กินแล้ว สดชื่น...อร่อยดี

แต่ในแง่ของกระแส ผมไม่แน่ใจว่า Chakuza จะมาถูกทางหรือไม่

เพราะกระแส K-POP มาแรงเหลือเกิน และวัยรุ่นสมัยนี้ ส่วนใหญ่ก็คลั่งไคล้แต่ K-POP ไม่รู้จัก J-POP ไปเลย

เหล่า K-POP ที่มากระชากกระแสอย่างแรงและต่อเนื่องในบ้านเรา

โดยสรุป เกมนี้ คงต้องดูกันยาวๆ ว่า ...

แบรนด์ที่คอนเซ็ปดี .. ผลิตภัณฑ์ดี .. ราคาเหมาะ .. ช่องทางจัดจำหน่ายเต็ม (ทั้ง 7-11 และ Mini-Mart ทั่วประเทศ) .. การสื่อสารสร้างสรรค์ ทำได้ดี >>> จะสู้กับกระแสความนิยมของวัยรุ่นบ้านเราได้หรือไม่

โชคดีครับ ... Chakuza !!!

Wikran M.

ติดตามบทความของผมต่อได้ทุกวันที่... 



สูตรสำเร็จขายตรง: Beauty + Presenter

ขายตรง หรือ (Direct Sale) ในบ้านเรา มีอยู่หลายรูปแบบ ที่ฮิตทำกัน ทั้งแบบขายตรงจากบริษัทถึงผู้บริโภค (Company to Customer) เช่น การขายประกัน, การขายบัตรเครดิต (ที่โทรตรงเข้ามาหาเรา) เป็นต้น

และแบบเครือข่ายขายตรง (Network Marketing) ซึ่งแบ่งได้เป็น

- แบบเครือข่ายขายตรงแบบชั้นเดียวหรือเรียกว่า SLM (Single-Level Marketing)
- แบบเครือข่ายขายตรงแบบหลายชั้นหรือเรียกว่า MLM (Multi-Level Marketing)


ซึ่งในบทความนี้ ผมจะกล่าวในเรื่องการขายตรงแบบเครือยข่ายขายตรงแบบชั้นเดียว (SLM)

SLM มีวิธีการคือ บริษัทผลิตสินค้าขึ้นมาและปล่อยสินค้าไปยังช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งช่องทางการจัดจำหน่ายแบ่งเป็นร้านค้า (ร้านขายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและร้านขายยา) และ สมาชิก

ในส่วนของสมาชิกก็จะมีรายได้จากการขายตรงไปยังผู้บริโภค โดยซื้อจากบริษัทในราคาที่มีส่วนลด และขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคในราคามากกว่าที่ซื้อมา หรือราคาขายปลีก

โดยวิธีการทำตลาดคือ ให้มีร้านค้าและสมาชิกเข้ามาติดต่อเอง (Pull Strategy) หรือบริษัทเป็นคนติดต่อไปยังร้านค้า (Push Strategy) บริษัทต้องสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จัก

ซึ่งสูตรสำเร็จก็คือ Beauty (ความงาม) + Presenter

มาดูตัวอย่างกันครับ


อยากหุ่นดี โดยใช้น้องพลอย เป็น Presenter (ลงทุนน่าดูนะเนี้ย)

เสริมทรวงอก โดยใช้ เป้ย ปานวาด
เสริมทรวงอกเช่นกัน โดยใช้ ใหม่ สุคนธวา

สุดท้าย ทุ่มทุนสร้าง I-Slym อยากหุ่นดี โดยใช้ Presenter ดัง หลายคน

ซึ่งเราก็จะเห็นได้ตามสื่อต่างๆ โดยเฉพาะนิตยสาร (Magazine) ที่ไปทางบันเทิง เช่น TV Pool, Gossip Star และอื่นๆ

รู้ไหมครับว่า ทำไมเข้าถึงลงสื่อนิตยสารบันเทิงซะส่วนใหญ่ ???
.
.
.
เพราะว่า กลุ่มเป้าหมายของเค้าคือ ผู้หญิงที่คลั่งไคล้ดาราและอยากสวยเหมือนดารา

ผมเคยมีโอกาสได้คุยกับเพื่อนที่ทำโรงงานผลิตอาหารเสริม และผลิตให้กับบริษัทเหล่านี้ และได้ความรู้ดีๆ มาคือ ส่วนใหญ่แล้วลูกค้าที่ซื้อ จะเป็นคนต่างจังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มแม่บ้านและสาวโรงงาน ที่โทรสั่งซื้อ

ผมก็ถามต่อว่า ทำไมถึงซื้อ เพราะราคาค่อนข้างสูง เพื่อนผมก็บอกว่า ก็เพราะพวกเค้าอยากสวย ดูดี เหมือนดาราเหล่านี้ไง เท่าไหร่ ก็ยอม

อืม ... ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ ว่าเค้าทำการตลาดกันเป็นจริงๆ

ปิดท้ายด้วยพี่โดม ซึ่งไม่แน่ใจว่าอารมณ์ไหน แต่มีคนเข้าไปดูใน Youtube เป็นล้าน และก่อให้เกิดการโฆษณาอาหารเสริม โดยบอกว่าพี่โดมทานทุกวัน กันอย่างครึกโครม



แล้วพบกันใหม่ เร็วๆ นี้ครับ

Wikran M.

ติดตามบทความของผมต่อได้ทุกวันที่... 



วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2555

บุรีรัมย์-พีอีเอ: Localized Marketing การตลาดท้องถิ่นแบบทำเป็น

เมื่อช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ไม่รู้ผมรู้สึกไปเองหรือว่ารู้สึกกันทั่วประเทศ ว่าฟุตบอลลีกไทย คึกคักเหลือเกิน ...

สิ่งที่ผมคิดว่า เป็นตัวสร้าง Momentum (การเคลื่อนไปข้างหน้า) ที่สำคัญ คือ การมาของทีม บุรีรัมย์- พีอีเอ หรือ Buriram PEA ที่มีฉายาว่า Thunder Castle หรือปราสาทสายฟ้า

ความโด่งดังของ บุรีรัมย์- พีอีเอ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มีคนๆ หนึ่ง ขับเคลื่อนอยู่ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง

ซึ่งนั้นก็คือ คุณเนวิน ชิดชอบ หรือเจ้าของตำแหน่งประธานสโมสร เซียนการตลาดตัวจริง ที่ไม่ต้องจบที่ไหนมา แต่หยิบจับอะไร เป็นดัง และก็ได้ตังค์หมด

การทำทีมปราสาทสายฟ้า ได้ข่าวว่า มีทั้งเงินทำสื่อภายนอก และอัดฉีด (Incentive) นักเตะ ทีมงาน เยอะมาก ทำให้ทุกๆ คน วิ่งสู้ฟัดกันหมด เข้าตำรา "เงินมางานเดิน เงินเกินงานวิ่ง"

ซึ่งสไตล์การตลาดที่ทำจะเป็นแนว Localized Marketing หรือการตลาดท้องถิ่น ที่เจาะความต้องการเฉพาะของพื้นที่นั้นๆ ตามวิถีการใช้ชีวิต (Lifestyles) และวัฒนธรรมท้องถิ่น (Culture) โดยสื่อสารถึงคนท้องถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์โดยตรง เช่น กลยุทธ์การใช้ผู้นำท้องถิ่น (Local Leaders) และการตลาดแบบปากต่อปาก (Word of Mouth) ให้รักและสนับสนุนในทีมฟุตบอล

ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้เทคนิคการมีส่วนร่วมต่อความสำเร็จของคนในท้องถิ่น เข้ามาประยุกต์ พูดง่ายๆ ก็คือ ทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ ถูกสื่อสารประชาสัมพันธ์ไปคู่กับจังหวัดบุรีรัมย์ ดังนั้นถ้าทีมฟุตบอลดัง เป็นที่ยอมรับ ทั้งจังหวัดและคนบุรีรัมย์ก็เป็นที่ยอมรับมากขึ้น

และอีกจุดหนึ่ง ที่ถอดแบบคุณทักษิณ (โคตรเซียนการตลาด) มาเลย คือเรื่องการกินรวบ โดยทำทีมฟุตบอลและทำการเมืองท้องถิ่นไปพร้อมๆ กัน ชนิดที่ว่า จ.บุรีรัมย์ เลือกตั้งเมื่อไหร่ คุณเนวินเหมาหมด

ทั้งหมดทั้งปวง ยังไม่สำคัญเท่ากับข่าวที่ว่าจะนำ "วงอิบิซึ มัสแคทส์ (Ebisu Muscats) เกิร์ลกรุ๊ปจากญี่ปุ่น ที่รวมดาราหนังโป๊ หรือ เอวี (AV) กว่า 25 คน" มาเล่นคอนเสิร์ตที่บุรีรัมย์ เพื่อผ่อนคลายให้แฟนบอล ในช่วงวันสงกรานต์ที่จะถึงนี้

ซึ่งการจัด Event ในครั้งนี้ เป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที ถ้ามองในแง่การลงพื้นที่สื่อแล้ว ได้เต็มๆ แต่ถ้ามองในมุมอื่นๆ ก็แล้วแต่จะพิจารณา แต่ผมคนนึงละครับ ที่ขอบอกว่า คุณเนวิน คุณเป็นนักการตลาดตัวจริง และใจถึงจริงๆ สุดยอด !!!

มาดูตัวอย่าง วง Girl Group เขย่าโลกกันครับ ^^


แล้วพบกันใหม่ เร็วๆ นี้ครับ

Wikran M.

ติดตามบทความของผมต่อได้ทุกวันที่... 



แสงโสม: Re-Branding ได้จริงหรือ

ถ้าเพื่อนๆ คิดถึง แสงโสม เพื่อนๆ คิดถึงอะไรกันบ้างครับ ???

- ถูก
- แก่
- ชาวบ้าน
- ฯลฯ

แล้วแต่จะคิดถึง แต่โดยมาก ผมเชื่อว่าไปทาง Negative สำหรับคนกรุงและคนในเมือง

ถามต่อ ถ้ามียี่ห้อเหล้าให้ท่านเลือกดื่มในผับสุดมันส์ ท่านจะเลือกแสงโสมไว้ตั้งโชว์บนโต๊ะหรือไม่

คำตอบ คงไปทาง "ไม่มีทาง ต่อให้กินฟรี ยังอยากจะเลี่ยง" เพราะอะไรครับ

>>> เพราะมันไม่เท่ไง เด๋วคนอื่นจะมองว่าเราไม่มีระดับ ไม่เหมือนดื่ม เฮี้ย Johnnie วางยังไง ก็หล่อ ...

วันนี้ แสงโสม เกิดอยากจะคึกขึ้นมา ทำ Re-Branding ขนานใหญ่ ด้วยงบการตลาดมหาศาล

มาดูกันครับ กับแคมเปญ Move A Bar ของ Sangsom


ด้วย Concept >>> Unique Entertainment จากป๋าเต็ด / Unique Desing จากคุณดวงฤทธิ์ / Unique Food & Drinks จากเชฟเอียน และ...




Dome of Light สถานที่ ที่เป็นเหมือน Bar ที่จะเคลื่อนไป 5 จังหวัด ทั่วประเทศ เน้นการทำ Below The Line ด้วย Event + PR

งานนี้ ผมไปสัมผัสบรรยากาศจริงมาแล้ว ที่ Asiatique Riverfront เจริญกรุง

มี Celebs ไปเยอะมาก ทั้ง พี่โดม คุณวู๊ดดี้ เจอแม้กระทั่ง อากู๋ Grammy และอื่นๆ อีกมากมาย

และได้ลองสัมผัสเหล้าแสงโสม สูตรปรับปรุง ใน Packaging ใหม่แล้ว ... รสชาติดีกว่าที่คิด !!!

แต่โดยรวม ผมยังถือว่า แสงโสม ยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะ ถ้าอยากจะให้คนรุ่นใหม่หันมาดื่ม

งานนี้ จัดได้เวอร์ดีมาก กะยกระดับแบรนด์เต็มที่

แต่ถ้าถามผม ผมว่าด้วย Perception (ความรู้สึกนึกคิด) คนแล้ว จัดแค่นี้ รับรองว่า Perception ไม่กระดิก ต่อให้จัดอีก 10 - 20 จังหวัด ก็ยาก เหมือนโปรยเงินลงมาจากตึกมากกว่า !!!

แล้วยิ่งเอาท่านผู้มีอายุ มาเป็นจุดขายด้าน Emotional (อารมณ์) ด้วยแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่

ผมยืนยัน นอนยัน ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่สั่งแสงโสมกินแน่นอน ...

ถ้าหากลองดูแบรนด์เก่าแก่ ที่อยากจะดูหนุ่มขึ้น เข้าสู่ตลาดคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น หันไปดู ธนาคารธนชาติ กับเบียร์สิงห์ ดีกว่าครับ

ที่เค้าทำกัน ลงเงิน ... ส่วนใหญ่ไปกับการเป็น Entertainment Sponsorship หรือผู้สนับสนุนคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ดังๆ หรือกีฬาดังๆ มากกว่า

ทุกวันนี้ ไม่มีใครปฏิเสธว่า ธนชาติหรือเบียร์สิงห์ เท่ ดูดี เพราะเค้าเกาะกระแสไปกับงาน Entertainment ใหญ่ๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง

สุดท้าย คงต้องดูกันยาวๆ สำหรับแสงโสม หรือ Sangsom ว่าจะไปได้ขนาดไหน

แต่ผมบอกได้เลยว่า การทุ่มงบ Re-Branding ครั้งนี้ ด้วย Concept และวิธีการนำเสนอแบบนี้ ยากครับ

สู้สร้างแบรนด์ใหม่ ด้วยงบประมาณนี้ อนาคตน่าจะดูสดใสกว่า !!!

Wikran M.

ติดตามบทความของผมต่อได้ทุกวันที่...