วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Basic Marketing #2: แผนการตลาด... Marketing Plan

สำหรับนักการตลาดทุกคน... แผนการตลาด หรือ Marketing Plan ถือว่ามีความสำคัญมาก

เพราะก่อนที่จะลงมือทำอะไรก็ตาม... ต้องเริ่มจากการวางแผนก่อนเสมอ


สำหรับแผนการตลาด... สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ส่วนสำคัญ ดังนี้ครับ...

1.) การวิเคราะห์สถานการณ์ (Situation Analysis)

2.) การตั้งวัตถุประสงค์ (Objectives)

3.) การกำหนดกลยุทธ์ (Strategy)

4.) การกำหนดแผนดำเนินการ (Action Plan)

5.) การประเมินผล (Evaluation)

โดยแต่ละส่วนล้วนมีรายละเอียดสำคัญ ที่ต้องเข้าใจ คือ...

การวิเคราะห์สถานการณ์ (Situation Analysis)... เป็นสิ่งแรกที่นักการตลาดต้องทำเวลาวางแผน ไม่ใช่เดาสุ่ม นั่งเทียนคิดไปเอง เพราะฉะนั้นต้องหาข้อมูลมาเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ให้ได้

หาข้อมูล >>> วิเคราะห์สถานการณ์ >>> สรุปการวิเคราะห์สถานการณ์

ซึ่งจะหาข้อมูลอะไร ก็ต้องรู้ก่อนว่าจะวิเคราะห์อะไรบ้าง... โดยผมมักใช้ 5C Analysis

ซึ่ง 5C ประกอบจาก Company (บริษัทเรา) - Competitor (คู่แข่ง) - Customer (ลูกค้า) - Collaborator (ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง) และ Climate (บรรยากาศ)

การวิเคราะห์บริษัท (Company) เราสามารถใช้เครื่องมือ (Tools) ได้หลายตัวเช่น Business Types, Product Life Cycle, BCG Matrix และ Marketing Mix เป็นต้น

การวิเคราะห์คู่แข่ง (Competitor) ผมมักใช้เครื่องมือ (Tools) เช่น Market Share, Product Positioning และ Five-Forces Model เป็นต้น

การวิเคราะห์ลูกค้า (Customer) สามารถวิเคราะห์ได้จาก Market Size, Market Growth, Consumer Behavior, Needs & Wants, Black Box, Consumer Buying Roles และ Customer Development Process เป็นต้น

การวิเคราะห์ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง (Collaborator) เช่น Supplier, Distributor, Alliance และ Partner เป็นต้น

การวิเคราะห์บรรยากาศ (Climate) สามารถใช้หลัก PEST ในการวิเคราะห์ได้ โดย PEST ย่อมาจาก Political, Economic, Social และ Technology

หลังจากรู้แล้วว่าต้องวิเคราะห์อะไรบ้าง... ก็จะสามารถหาข้อมูลได้โดยวิธีการหาข้อมูลทั่วไปและการทำวิจัย (Research)

หลังจากที่หาข้อมูล วิเคราะห์ 5C แล้ว... จึงจะมาสรุปการวิเคราะห์ด้วย SWOT และ TOWS Matrix

ซึ่งจากข้อมูลที่เราได้จากการสรุปการวิเคราะห์สถานการณ์จะนำไปตั้งเป็นวัตถุประสงค์ (Objectives)

โดย Objectives สามารถตั้งได้ด้วยหลัก SMART - Specific, Measurable, Achievable, Realistic และ Timeline

หลังจากตั้งวัตถุประสงค์หรือ Objectives เสร็จ... ก็จะมากำหนดกลยุทธ์ (Strategy) ที่จะมาทำให้บริษัทบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ตั้งไว้

Strategy หรือกลยุทธ์... จะเน้นไปทางกลยุทธ์การตลาด 4 ตัวนี้

STP >>> Branding >>> Marketing Mix >>> IMC

ซึ่งในแต่ละตัวก็จะมีรายละเอียดและกลยุทธ์ปลีกย่อยที่ต้องทำการศึกษาต่อไป...

นอกจากนั้นก็มีกลยุทธ์การตลาด CRM และ CSR ที่มองข้ามไม่ได้ด้วย

หลังจากกำหนดกลยุทธ์เสร็จ... ก็มากำหนดแผนดำเนินการ (Action Plan) ต่อ

Action Plan ประกอบด้วย... Tasks & Description, Timeline, Budget และ Responded By

ในส่วนของแผนดำเนินการต้องลงรายละเอียดให้ได้มากที่สุด... เพื่อลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นตอนลงมือปฏิบัติ (Implementation) ตามแผนงาน (Plan) ที่กำหนดไว้

หลังจากกำหนด Action Plan เสร็จแล้ว... ก็จะมาถึงขั้นตอนสุดท้ายของการวางแผน นั่นก็คือ การประเมินผล (Evaluation)

ซึ่งการประเมินผลประกอบด้วย... Assessment, Measuring Criteria, Tracking & Report, KPI และ Balanced Scorecard ครับ... โดยหลักของการประเมินผลคือ ทำให้ผู้ปฏิบัติได้ตรวจสอบตัวเองว่า... ที่ทำไปมาถูกทางหรือไม่ ได้ตามเกณฑ์ที่ต้องการหรือปล่าว และจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้หรือไม่ เป็นต้น
.
.
.
ทั้งหมดนี้คือ รายละเอียดโดยสังเขปของการวางแผน (Planning) ครับ

เมื่อเราวางแผนเสร็จ สิ่งสำคัญคือนำเสนอแผน... พร้อมของบประมาณ (Budget) ตามแผนที่เสนอไป

ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมานั่งคุยกันเยอะเรื่องตัวเลขงบประมาณนี่แหละครับ... ถ้าผู้บริหารมองว่ามากไป ก็จะขอปรับลดลง... ซึ่งเราก็ต้องกลับมาปรับแผนการตลาดใหม่ และนำเสนออีก จนกว่าจะได้รับการอนุมัติ

เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว... แผนนั้นถึงจะเรียกว่า แผนการตลาด หรือ Marketing Plan จริงๆ ครับ

ในกรณีที่คนทำเป็นเจ้าของธุรกิจเองก็จะง่ายหน่อย... เพราะระหว่างที่ทำแผนและงบประมาณก็จะระมัดระวัง รอบคอบอยู่แล้ว... เพราะมันเป็นเงินเราเองนี่ครับ ต้องใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดถึงจะยอมใช้ ฮา ^^

สุดท้ายนี้ผมมีความตั้งใจที่จะเขียนรายละเอียดของเครื่องมือ (Tools) ที่ได้นำเสนอไปและที่ยังไม่ได้เสนอเช่น  Business Types, Product Life Cycle, BCG Matrix, Market Share, Product Positioning, Five-Forces Model, Market Size, Market Growth, Needs & Wants, Black Box, Consumer Buying Roles, Customer Development Process, SWOT, TOWS Matrix, STP, Branding, Marketing Mix, IMC, CRM, CSR และตัวอื่นๆ อีกหลายตัวที่จำเป็นต่อการวางแผนการตลาด

หากท่านผู้อ่านสนใจรับฟังหลักการวางแผนการตลาด (Marketing Plan) เพิ่มเติม... สามารถรับฟังได้จากคลิปด้านล่างนี้ได้เลยครับ



ติดตาม MarKeTing InDeed ClassRoom (MIC) ได้ทั้งหมด... ตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงครั้งล่าสุดได้ที่ Link นี้ครับ...

ห้องเรียนการตลาด MarKeTing InDeed ClassRoom - Youtube
.
.
.
โดยผมจะนำเสนอในหัวข้อ Basic Marketing ไปที่ละตัวๆ ... แต่ถ้าท่านผู้อ่านท่านใด สนใจอยากศึกษาเลย เพราะต้องเอาไปใช้ในการทำแผนการตลาดของบริษัทละก็... ลองหาอ่านได้จากหนังสือ Marketing for Work... งานตลาด วางจัดจำหน่ายตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป เช่น ซีเอ็ด นายอินทร์ B2S และแพร่พิทยา เป็นต้น... หนังสือเล่มนี้ มีเนื้อหาครบถ้วนกระบวนทัศน์... แบบนำไปใช้วางแผนการตลาดได้เลย รวมถึงมีการแนะนำการนำแผนไปปฏิบัติด้วย... ซึ่งหนังสือเล่มนี้ ผมเป็นคนเขียนเองครับ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะมันคือหนังสือ How to และ Step by Step ที่เข้าใจได้ง่าย และนำไปใช้ได้จริง ตอนนี้ก็พิมพ์ครั้งที่ 3 ไปแล้วน้อ... หลังจากออกมา 2 เดือนเป็นปลื้มจริงๆ ครับ ^^

ปกเป็นแบบนี้ครับ...


แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่อยากจะอ่านจากบล๊อกผมต่อ... รับรองก็ไม่ผิดหวังเช่นกันครับ เพราะจะเขียนครบถ้วน พร้อมยกตัวอย่างใหม่ๆ ประกอบด้วย... รอติดตามกันได้เลยคร้าบบบ ^^

แล้วเจอกันเร็วๆ นี้ครับ

Wikran M.


ติดตามบทความของผมต่อได้ทุกวันที่... 

วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Sexy Marketing: การตลาดเกินห้ามใจ (Axe, PTT & Air Asia)

การมองเรื่อง Sex สามารถมองได้ 2 แบบคือ...

มองแบบ "Sexy" ... เซ็กซี่ มีเสน่ห์ ดึงดูดเพศตรงข้าม

มองแบบ "Porn" ... โป๊ ทำให้เกิดอารมณ์แบบดิบๆ ตรงๆ 

ซึ่งการทำโฆษณาหรือสื่อการตลาดใดๆ ก็ตาม มักจะเน้นให้ออกในรูปแบบ Sexy มากกว่าแบบดิบๆ ที่เป็น Porn

สาเหตุที่ใช้ความเซ็กซี่ในการทำตลาด แน่นอนว่าคือ... เพื่อดึงดูดผู้คนให้สนใจกับแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์นั้นๆ... รวมถึงการปรับเปลี่ยนแบรนด์ให้ดูทันสมัยขึ้น มีเสน่ห์น่าค้นหามากขึ้น และดูเป็นหนุ่มเป็นสาวมากขึ้น

Axe... เจ้าพ่อ Sexy Marketing ในตลาดผลิตภัณฑ์ For Men หรือผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชาย

Axe ไม่เคยทำโฆษณาแนวลามกหรือ Porn แต่จะเป็นแนว Creative Sexy ตลอด... ซึ่งทำให้แบรนด์แข็งแกร่งและมีเสน่ห์ ถูกใจหนุ่มๆ กลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างมาก

PTT หรือ ปตท. ใช้ Sexy Marketing เปลี่ยนจุดยืนแบรนด์ให้ดูทันสมัยเข้ากับคนรุ่นใหม่ได้

จาก Blue Innovation Campaign ที่กวาดมาหลายรางวัล และสร้างแบรนด์ PTT ให้แข็งแกร่งและดูทันสมัยขึ้นอย่างชัดเจน
สำหรับ Campaign นี้ ต้องขอชมผู้บริหารของปตท. จริงๆ ครับ ว่า "กล้าและใจถึงมาก" เพราะการที่กล้าตัดสินใจทำแคมเปญออกมา Sexy + Grand ขนาดนี้... ต้องผ่านมรสุมพวกหัวอนุรักษ์นิยมในองค์กรมาอย่างแน่นอน... แต่สุดท้ายผลที่ออกมา... Re-Brand ได้สำเร็จ เป็นที่น่าประทับใจจริงๆ ครับ ปรบมือดังๆ ให้เลย

Air Asia... เซ็กซี่ได้ด้วยสายตา
ผมชอบอย่างหนึ่งใน Ads โฆษณาของ Air Asia คือมันดูเซ็กซี่นะครับ แต่ไม่เคยเปิดไหล่ โชว์หน้าอก หรือหมิ่นเหม่ไปทางยั่วยวนทางเพศเลย... แต่ดูแล้วมัน Sexy มีระดับจริงๆ
ขอชมทีมงาน Production ทั้งคนถ่าย คนเลือก Model และช่างแต่งหน้า Make Up Stylist ครับ... ทำออกมาแล้ว สุดยอดจริงๆ
.
.
.
สุดท้ายก็ขอจบด้วยงาน Event ต่างๆ ในบ้านเรา ที่สมัยนี้ต้องใช้ Sexy Marketing อย่างจริงจัง โดยออกมาในรูปแบบของน้องๆ Pretty ที่ต้องแต่งตัวกันสุดยอด เพื่อดึงดูดหนุ่มๆ ให้เข้าบูธ มาสนใจกันให้ได้มากที่สุดครับ มาดูกันเลย...

เริ่มจากงาน Motor Show... จุดเริ่มต้นของ Pretty ในบ้านเรา
งาน Bangkok International Game Festival หรือเรียกย่อๆ ว่า งาน BIG Fes ...
BIG Fes เป็นงานมหกรรมเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบ้านเรา... ในเมื่องานมันใหญ่ ก็ต้องจัดอาวุธหนักในงานกันหน่อย น้องๆ ไม่แพ้งาน Motor Show เลยทีเดียว
ก็ประมาณนี้ครับ... สำหรับ Sexy Marketing ฝากไว้ว่า "ระวัง อย่าข้ามเกินไปดินแดนของ Porn" นะครับ เพราะจะทำให้แบรนด์ภาพลักษณ์ไม่ดีและคุณค่าของแบรนด์จะดูตกต่ำลงอย่างน่าเสียดาย

แล้วพบกันใหม่ เร็วๆ นี้ครับ
Wikran M.

ติดตามบทความของผมต่อได้ทุกวันที่... 


วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Youtube Marketing: VRZO, iScream & เสือร้องไห้

เพื่อนๆ เชื่อไหมครับว่า...

"ยุคนี้ Youtube กลายเป็นสื่อที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก"

ผมเชื่อครับ... ถ้าเป็นสมัยก่อนใครคิดจะทำอะไร ที่จะสื่อสารถึงตลาด Mass

สำคัญที่สุด คุณต้องมีเงินซื้อสื่อและสื่อที่เวิร์คก็พวก TV, Radio, Newspaper, Magazine และ Billboard

แต่พอมาปัจจุบัน Youtube กลายมาเป็นสื่อ Mass สำหรับคนรุ่นใหม่

คิดง่ายๆ นะครับ ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มนักเรียน กลุ่มนักศึกษา กลุ่ม First Jobber กลุ่ม White Collar ล้วนมี Lifestyle ที่เสพสื่อโลกออนไลน์มากกว่าโลกแห่งความจริง

- ดูละครไม่ทัน... ก็หาใน Youtube ดู

- อยากดู MV... ก็หาใน Youtube ดู

- อยากดูวิธีทำอาหาร... ก็หาใน Youtube ดู

- อยากดูดาราคนนี้... ก็หาใน Youtube ดู

ฯลฯ

ผมเคยเขียนบทความไปแล้วในเรื่อง Viral Marketing และ Celeb Online

ว่ามีหลายแบรนด์และหลายคนที่เกิดเพราะ Youtube...

อย่างนี้จะให้มองข้ามได้ยังไงครับ...

Youtube กลายมาเป็นช่องทางแบบสื่อทีวี ที่ใครอยากจะพูด อยากจะกล่าว อยากจะสร้างอะไร ก็ทำได้หมด

สุดท้ายผู้คนจะเป็นคนตัดสินจาก Views และ Likes !!!

ถ้าคุณอยากทำการตลาดผ่าน Youtube หรือ Youtube Marketing... คุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินเลยสักบาทในการซื้อสื่อ

และต่อให้คุณมีเงินเป็นล้านๆ อยากทำ Youtube Marketing... ผมก็เห็นมีหลายแบรนด์ที่ลงทุนค่าผลิตไปเยอะ แต่ทำออกมาแล้วมีคนดูแค่หลักร้อย หลักพัน ก็มีเยอะแยะไป

เพราะฉะนั้นเกมของ Youtube Marketing จึงเป็นเกมที่ Fair Play ที่สุดคือ เงินไม่ใช่ตัวตัดสินและไม่ใช่แต้มต่อสำคัญ
.
.
.
วันนี้ผมจะไม่พูดถึงศิลปินที่ดังจาก Youtube เพราะเคยกล่าวมาแล้วและมีเยอะ เช่น Room39, ILLSLICK และ จ๊ะ คันหู หรือคนที่ดังจาก Youtube เช่น บี๋ The Ska และโคม ปะการัง

แต่วันนี้เราจะมาดูกันกับรายการที่ดังจาก Youtube ครับ...

ซึ่งผมมองว่ามันยากนะ เพราะถ้าเป็นรายการแล้วมีคนดูเยอะๆ แสดงว่างานคุณดีเทียบเท่าหรือดีกว่ารายการในช่องฟรีทีวีด้วยซ้ำไป
.
.
.
อันดับที่ 1

แน่นอนครับว่า ต่องเป็น VRZO... ผมก็รู้จักรายการนี้จาก Youtube เหมือนกัน จริงๆ เค้าออกในเคเบิลทีวี

VRZO เริ่มเป็นที่สนใจจากคลิปเชียงใหม่ เชิญชมครับ...



และมาดังสุด ตอนคลิปน้องทับทิมเต้น Ma Boy !!!



หลังจากนั้นก็ติดลมบนยาวววว... ได้ข่าวสปอนเซอร์เยอะมากและขายแพงด้วยนะ ไม่ได้ถูกๆ... ต้องขอชมทีมงานทุกคนเลยครับว่า "เก่งมากน้อง คอนเซ็ปรายการดี ทำออกมาได้แหวกแนวดีจริงๆ"

ต่อมาอันดับ 2... ลักษณะเดียวกันกับ VRZO คือออกรายการในช่องเคเบิล แต่เฉยๆ ... มาดังก็จาก Youtube นี่แหละครับ กับรายการเสือร้องไห้

และต้องขอพูดตรงๆ อีกเช่นกัน ว่าผมก็รู้จักรายการนี้จาก Youtube เริ่มจาก...

ทำเพลงเลียนแบบกัมนังสไตล์ แต่ทำเป็นกำนันสไตล์ ฮามาก



ตอนนี้ก็จะ 24 ล้านวิวแล้ว สุดยอด... ไม่พอครับ เค้ายังเกาะกระแสแรงเงาด้วยความคิดสร้างสรรค์สุดเจ๋ง



และอันดับสุดท้ายที่ผมว่ามาแรงมากๆ และขอชื่นชมจริงๆ ว่าทีมงานทำได้ดีมากกับรายการ iScream ผ่านเวบไซด์ ihere.TV ซึ่งหาดูได้จาก Youtube เช่นกันครับ



รายการแรกออกแนวบุกบ้านผี... ฮาๆ เกรียนๆ ซึ่งก็มีคนติดตามกันเยอะ และที่ผมประทับใจคือ... อีกรายการของ ihere.TV มาดูกันครับ ฮามากมายจริงๆ



ทั้งหมดคือ ตัวอย่างของกระแสรายการยุคใหม่ครับ... ที่อีกไม่นานคงเป็นที่นิยมมากกว่ารายการฟรีทีวีที่ไม่ปรับปรุงตัวอย่างแน่นอน

เท่าที่ดูมาทั้งหมด สังเกตเห็นอะไรไหมครับ... ผมว่าหลักของ Youtube Marketing ถ้าจะทำให้ดังละก็ มีดังนี้ครับ...

1.) ต้องกล้าที่แหวก กล้าที่จะทำ กล้าที่จะเพี้ยน

2.) ต้องมีลูกฮาเยอะๆ

3.) อยากดังเปรี้ยงๆ ต้องเกาะกระแสเป็น และทำออกมาได้ในแบบฉบับของตัวเอง

4.) รายการต้องสดใหม่ ไม่ซ้ำทางใคร

5.) พิธีกรสำคัญมาก ต้องมีคาแรกเตอร์ขายได้ คนชอบ คนจำได้
.
.
.
หลักๆ ก็ประมาณนี้ครับ กับ Youtube Marketing ใครสนใจก็ลองดูได้เลย...

"คิดให้แหวก ทำให้แปลก" ... คุณก็สำเร็จได้จาก Youtube Marketing ครับ ^^

Wikran M.



ติดตามบทความของผมต่อได้ทุกวันที่... 




วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ฉลอง 100,000 Views แรก ... ด้วย Top 10 สิบบทความคร้าบบบ

ในที่สุดบล๊อก Marketingforexp. ก็มียอด Views ครบ 100,000 แรก...

ก่อนอื่นก็ขอขอบคุณทุกๆ ท่านมากๆ ครับที่ติดตาม...

และเพื่อเป็นการฉลอง ผมจึงขอนำเสนอ 10 บทความที่มียอดคนดูสูงสุดจากบทความทั้งหมดของผมครับ ^^
.
.
.
อันดับที่ 1 ได้แก่ ... "Pub Marketing: อยากเปิดผับให้ดัง ทำยังไง"
อันดับที่ 2 ได้แก่ ... "Mantra Marketing: เพลินวาน (หัวหิน), Primo Posto & Palio (เขาใหญ่) และศรีพันวา (ภูเก็ต)"
อันดับที่ 3 ได้แก่ ... "โออิชิ วุฒิศักดิ์ บ้านไร่กาแฟ... S.F. Awards Part II"
อันดับที่ 4 ได้แก่ ... "Sometimes Fail Awards: 10 Brands ... ภาค 1/3"
อันดับที่ 5 ได้แก่ ... "ควายทอง: จากแบรนด์ Underdog สู่ Well-Known Local Brand"
อันดับที่ 6 ได้แก่ ... "ยากูซ่า ... ชาคูลล์ซ่า ... Chakuza"
อันดับที่ 7 ได้แก่ ... "BLACK MARKETING by ไมเคิล ซาเฟล"
อันดับที่ 8 ได้แก่ ... "น้ำทิพย์: Green Marketing "เลือก ดื่ม บิด" ใครได้ ใครเสีย"
อันดับที่ 9 ได้แก่ ... "Celebs ออนไลน์... 5 ซุปตาร์ในวงการ"
อันดับที่ 10 ได้แก่ ... "แบรนด์ Brands ... คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ"
ก็จบกันไปแล้วกับ 10 บทความที่มียอดผู้ชมสูงสุดนะครับ... ลองติดตามอ่านกันดูครับ

ผมยินดีมากและเป็นกำลังใจที่ดีมากๆ ในการเขียนบล๊อกของผมครับ
.
.
.
ก่อนจากก็ขอแนะนำผลงานเขียนเรื่องราวการตลาดของผม ดังนี้ครับ

Year 2006 - ตอนนั้นกำลังศึกษาป.โท ด้านการตลาดอยู่ที่ Australia ผมก็ได้เริ่มเขียนบล็อกแรกในชีวิตก็คือ ... บล๊อก MarKeTing InDeeD หรือ Marketingindeed.exteen.com ครับ

Year 2012 - เขียนหนังสือการตลาดเล่มแรกในชีวิต "Marketing for Work... งานตลาด" ล่าสุดก็พิมพ์ครั้งที่ 3 แล้วครับ

Year 2012 - เขียนเรื่องเล่าการตลาดผ่าน Facebook.com/MarKeTingInDeeD ครับ
.
.
.
ปีหน้า ฤกษ์งาม ยามดี... คงมีหนังสือการตลาดมันส์ๆ เล่มที่ 2 ตามมาครับ... ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ ^^

Wikran M.


ติดตามบทความของผมต่อได้ทุกวันที่...