กับ 4 อันดับสุดท้าย มาเริ่มกันเลยครับ...
อันดับที่ 7: รางวัลแบรนด์เสน่ห์ที่หายไป
ได้แก่ ..... แต่น แตน แต้น ..... KTC ครับ
KTC ย่อมาจาก Krung Thai Card <บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)> กำเนิดเมื่อปี 2545 โดยธนาคารกรุงไทย ในช่วงนั้นถือว่าเป็นธนาคารใหญ่ที่บุกตลาดบัตรเครดิตเป็นเจ้าแรกๆ ซึ่งผู้บริหารนั่งประชุมเคาะกันว่า ถ้าบริหารโดยธนาคารกรุงไทยอาจจะมีปัญหาเรื่องขั้นตอนการทำงานที่ไม่รวดเร็วและภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างออกไปทางแก่ มีอายุ จึงตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา และจ้างบรรดาพนักงานจากเอเจนซี่ชื่อดังต่างๆ เข้ามาทำงานเป็นจำนวนมาก... ผลที่ได้คือ KTC เกิดอย่างแรง !!!
ที่เห็นชัดในช่วงแรกก็เป็นเจ้าบัตร KTC Mini ที่มีรูปร่างเล็กกว่าบัตรเครดิตทั่วไป (เค้าว่าใช้งานกับเครื่องรูดยาก แต่คนไทย ถ้าสร้างอารมณ์ความเท่ ความทันสมัย ความชอบได้ จะผิดยังไง ก็ให้อภัยได้ครับ)
อีกตัวที่แรงมากๆ ในยุค 10 ปีที่แล้วคือ KTC I am (บัตรเครดิตของกลุ่ม Gays โดยเฉพาะ)
ได้ข่าวว่า บัตรนี้ ไปไม่ค่อยสวย เพราะกลุ่มเกย์จริงๆ แล้วไม่ต้องการแสดงออกมากนัก แต่เรื่องภาพลักษณ์ความแนวละก็ ได้ใจไปเต็มๆ
และก็ Ads ตัวที่ Impact มากๆ ของ KTC "รักไม่รู้ดับ"
ที่เล่ามาดูเหมือน KTC จะเป็นตำนานด้วยซ้ำ !!!
ซึ่งผมก็ว่าจริง KTC เป็น Case Study ที่น่าศึกษา ทั้งต้นกำเนิด การบริหารงาน วัฒนธรรมองค์กร หลักการทำตลาด...
แต่ในช่วง 2 - 3 ปี ที่ผ่านมานี้เอง ที่ธนาคารยักษ์ใหญ่ทั้งสีม่วงและสีเขียว เข้ามารุกตลาดบัตร Credit หนักมาก
ทั้ง SCB และ Kbank ต่างทุ่มหมดหน้าตัก กับการลุยตลาด "ลด แลก แจก แถม" ที่ดูยังไงก็น่าจะขาดทุนจากแคมเปญจัดหนักต่างๆ ที่ทำ
แต่ก็อยู่ที่มุมมองครับ ท่ามองว่าบัตรเครดิต คือเครื่องมือที่ใช้ในการทะลุทะลวงเข้าหากลุ่มรายย่อยที่มีกำลังซื้อ (หรือกำลังกู้) ก็ถือว่าได้ผลทีเดียว เพราะมักจะตามมาด้วย Product อื่นๆ ของธนาคารอีกมากมาย เช่น สินเชื่อรายย่อย สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อบ้าน ฯลฯ
KTC ที่วันนี้ กลับนิ่งๆ ไม่รุกมาก แต่ก็ไม่ถึงกลับถอยหลังเข้าคลอง... นานวันเข้าๆ ภาพลักษณ์ดูจะไม่เท่ เหมือนแต่ก่อน... ถ้าเทียบกับของคู่แข่ง... ทำให้ดูขาดเสน่ห์ไปเยอะเลยทีเดียว
ซึ่งก็ถือว่าเหมาะกับรางวัลแบรนด์เสน่ห์ที่หายไปครับ...
ปล. ก็ขอเอาใจช่วยให้ KTC กลับมาโดดเด่น มีเสน่ห์เหมือนแต่ก่อน อย่ารอจนถึงวันที่สายเกินแก้เลยครับ...
อันดับที่ 8: รางวัลแบรนด์พลาดมาก... ถึงมากที่สุด
ได้แก่ ..... แต่น แตน แต้น ..... โกดัก ครับ
โกดักถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี คศ 1880 (หรือปี พศ 2423) ที่อเมริกา... ถึงตอนนี้ก็ 132 ปีเต็ม
ถ้าเป็นยุคราวๆ 20 ปีที่แล้ว การถ่ายรูปยังใช้ฟิล์มเป็นหลัก... กล้องดิจิตอลยังไม่เข้ามาแทนที่...
โกดักเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งมาก ขยายไปทั่วโลก... คิดง่ายว่าๆ ถ้าใครจะถ่ายรูป คนนั้นก็คือ ลูกค้าของโกดักแล้ว !!!
แต่พอมาถึงวันนี้ บริษัทต้องยื่นล้มละลายต่อศาลอเมริกา เพราะขาดทุนอย่างหนัก... ใกล้ปิดตำนานโกดัก เข้าไปทุกที
สาเหตุหลักที่โกดักผิดพลาดมากถึงมากที่สุดก็คือ การไม่ยอมรับในเทคโนโลยีกล้องดิจิตอล...
ตำนานเล่าขานกันว่า มีหลายบริษัทที่พยายามนำเสนอเทคโนโลยีการถ่ายภาพดิจิตอลต่อโกดัก... แต่โกดักไม่แยแส เพราะคิดว่าเทคโนโลยีนี้ จะไม่เกิด... บริษัทยังคงขายฟิล์มถ่ายรูปต่อไป... โดยไม่มีการเตรียมรับมือกับภาพถ่ายดิจิตอล... แล้ววันที่ตลาดกล้องดิจิตอล เกิดเต็มตัว... แบรนด์โกดักก็ถูกมองเป็นคนแก่ หัวดื้อ ไปเลยทันที
สิ่งที่พลาดมาก... ถึงมากที่สุด คือการที่เชื่อมั่นในแบรนด์ตนเอง ผลิตภัณฑ์ตนเอง โดยไม่มองเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ
เข้าตำราเดียวกับรถยี่ห้อ Ford ที่เกือบเอาตัวไม่รอด จากการรุกตลาดของรถญี่ปุ่น (Ford ไม่เคยเชื่อว่า รถญี่ปุ่นจะตีตลาดโลกได้... เพราะคิดเสมอว่า รถญี่ปุ่น ไม่มีเรื่องราว ไม่มีตำนาน ไม่เท่อย่าง Ford - รวมๆ ก็ประมาทและดูถูกคู่แข่งนั้นแหละครับ)
ซึ่งทั้ง โกดัก และ Ford มีความคิดที่คล้ายกันคือ ประมาทและไม่ยอมรับต่อสิ่งใหม่... โชคดีที่ Ford กลับตัวกลับใจทัน หันมาผลิตรถยนต์ครอบครัว ประหยัดน้ำมัน ที่ผู้บริโภคต้องการ... แต่โกดัก กลับตัวไม่ทันมาถึงวันนี้ก็...
กลายเป็นแบรนด์ที่พลาดมาก... ถึงมากที่สุด ไปซะแล้ว !!!
ปล. ห้ามประมาทต่อคู่แข่ง สินค้าทดแทน (Substitute Products) และความต้องการของผู้บริโภค... ถ้าบริษัทไหน แบรนด์ใด ไม่เชื่อ... ก็ขอให้ดูโกดัก เป็นตัวอย่างครับ
อันดับที่ 9: รางวัลแบรนด์ขุนไม่ขึ้น
ได้แก่ ..... แต่น แตน แต้น ..... ฮุนได ครับ
Hyundai หรือฮุนได เป็นแบรนด์รถยนต์จากประเทศเกาหลีใต้ เข้ามาทำตลาดในไทยมานานแสนนาน แต่ก็ไม่เคยนั่งอยู่ในใจของผู้ใช้รถหรือผู้ที่กำลังคิดจะใช้ส่วนใหญ่ได้เลย...
ต่างจากประเทศอื่นๆ อย่างชัดเจน เช่น ที่ออสเตรเลีย ฮุนไดถือว่าเป็นรถยนต์ที่ดูดีมาก... เป็นสปอนเซอร์หลายรายการ รวมถึงผู้คนใช้กันเยอะมาก (คล้ายๆ กับโตโยต้า บ้านเรา)...
แต่ทำไมในไทย ฮุนไดถึงเป็นแบรนด์ที่ขุนยังไง ก็ขุนไม่ขึ้น... จะ Re-Launch กี่ครั้ง... ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เท่าที่ผมหาข้อมูลและวิเคราะห์ได้ ตลาดรถบ้านเรา (รถบ้านทั่วไป ไม่รวมรถหรู) มีปัจจัยประกอบความสำเร็จดังนี้
1.) มือสองขายได้ราคาดีไหม
2.) มีอู่ซ้อมเยอะไหม และอะไหล่แพงไหม
3.) การยอมรับในสังคม
4.) ราคาขาย เทียบกับยี่ห้ออื่นๆ
5.) การออกแบบ Design
ทั้งหมดที่ผมกล่าวมา ฮุนได ไม่เข้าสักข้อเลย เมื่อเทียบกับ Toyota และ Honda รวมถึง Nissan และ Mitsubishi...
ถ้าจะบอกว่าตลาดบ้านเราแข่งขันกันสูง Toyota กับ Honda เป็นเจ้าตลาด เจาะยากก็ไม่ได้ เพราะมีแบรนด์ที่พิสูจน์ตัวเองไปแล้ว เช่น Mazda และ Chevrolet ที่ทำตลาด บุกโฆษณา ปรับรูปลักษณ์ให้ทันสมัย มี Design... จนวันนี้ ขายดี เทน้ำ เททา
ดังนั้นฮุนไดก็ถือว่าเหมาะสมกับรางวัลแบรนด์ขุนไม่ขึ้น จริงๆ ครับ...
แต่ผมว่าขุนไม่ขึ้นเพราะ "คนทำ" มากกว่าจะไปโทษ "แบรนด์" เพราะประเทศอื่นเค้า ยอดขายถล่มทลาย !!!
ก็คิดเอาครับ... ขนาด K-POP ที่กำลังแรง !!! ก็ไม่เอามาทำอะไรเลย ทั้งๆ ที่เป็นแบรนด์เกาหลีแท้ๆ
Mitsubishi แบรนด์ญี่ปุ่นพันธ์แท้ ยังเกาะกระแสไปกับ K-POP เลยครับ (มิตซูบิชิ มิราจ กับ นิชคุณ วง 2pm)
ที่เห็นฮุนไดยอมลงทุนควักตังค์ ก็มีแต่กับงาน Motor Show
แต่งานนี้ต่อจะให้ใช้พริตตี้กี่ชุด ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง... (แต่ก็ขอชม Costume ครับ ชุดสีเข้มใช้ได้เลย อิอิ)
ถ้าจะทำการตลาดกันเฉพาะหน้าอย่างเดียว... ก็อย่าทำดีกว่าครับ... เสียดายแบรนด์ !!!
ปล. พึ่งระลึกไว้เสมอครับว่า "คนสร้างแบรนด์ มิใช่แบรนด์สร้างคน" จำกันไว้ให้ดีครับ พี่น้อง...
อันดับที่ 10: รางวัลแบรนด์ตกต่ำแห่งยุค
ได้แก่ ..... แต่น แตน แต้น ..... พรรคประชาธิปัตย์ ครับ
จริงๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์... พรรคนี้มีประวัติยาวนานที่สุด ตั้งแต่ปี 2489 ถึงวันนี้ รวมเป็นเวลา 66 ปี... มีคนดี มีคนซื่อสัตย์ มีคนต้นแบบให้ยึดเป็นแนวทางมากมาย จากพรรคนี้...
แต่ว่าหลังๆ ตั้งแต่เป็นรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์... ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือแบรนด์ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นแบรนด์คนดี คนซื่อสัตย์... ตกต่ำลงไปอย่างน่าใจหาย
จะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเหลือง จะแดง หรืออย่างอื่น... ความขลังที่คนยุคก่อนๆ สร้างมา แทบจะหายหมดในสายตาของคนรุ่นใหม่ !!!
จริงๆ แล้วความตกต่ำ เริ่มจากตัวบุคคล... และลามไปถึงการมองภาพใหญ่คือ พรรค !!!
กลายเป็นพรรคดีแต่พูด ค้านทุกอย่าง ไม่มีความคิดสร้างสรรค์... ภาพแบรนด์ประชาธิปัตย์ถูกผลักให้่ไปอยู่ในฝั่งของ Loser ตลอดกาล
จะทำยังไง ให้แบรนด์ดีขึ้น... จริงๆ คำตอบก็เหมือนแบรนด์อื่นๆ ที่กล่าวไปแล้ว นั่นแหละครับ...
- ยอมรับความจริง ไม่ดูถูกคู่แข่ง เข้าใจประชาชน (ทั้งประเทศนะครับ ไม่ใช่เฉพาะกลุ่ม)
- หันมาตั้งใจ สร้างผลงานที่เป็นรูปธรรม (นโยบายดีๆ นโยบายช่วยเหลือคน)
- มีความคิดสร้างสรรค์ และเลิกพฤติกรรมที่ติดลบในสายตาผู้คน (กัด จิก ด่า)
ที่เหลือก็หาคนทำการตลาด สื่อสารดีๆ... แบรนด์ก็น่าจะกระเตื้องขึ้นครับ
ปล. เป็นห่วงจริงๆ ครับ พรรคนี้... อยากให้เป็นพรรคธรรมะ อยู่คู่สังคมไปเรื่อยๆ... ไม่อยากให้กระแสตีกลับ กลายเป็นพรรคธรรมดา จะมีหรือไม่มีก็ได้ในสายตาสังคมไทย
.
.
.
ก็ขอจบการนำเสนอรางวัล S.F. Awards หรือ Sometimes Fail Awards 10 อันดับ แต่เพียงเท่านี้ครับ
และก็ขอขอบคุณท่านผู้อ่าน ที่ติดตามกันมาทั้ง 3 ภาค คร้าบบบบ ^^