โดยจะทำการจัดอันดับ นักการเมืองที่สร้างวีรกรรมไว้ มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก มีความโดดเด่น และยังอยู่ในกระแสสังคม
ซึ่งจะใช้หลัก Google Search เป็นเกณฑ์ในการวัดความนิยม ประกอบกับผลงานที่ผ่านมา
มาดูกันครับ รางวัลนักการเมืองไทยมหานิยม จะเป็นของใครกันบ้าง
.
.
อันดับที่ 10: การุณ โหสกุล (Google: 408,000 รายการ)
คุณเก่ง การุณ โหสกุล ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย
การกระโดดถีบ ส.ส. พรรคอื่น ในรัฐสภา จนเป็นที่มาของฉายา เก่ง Sky Kick
และก็มีข่าวแนวๆ นักเลง มาอย่างต่อเนื่อง จนมาดังอีกครั้ง ตอนโดนต่อย เมื่อครั้งน้ำท่วม โดยเก่งได้ขับขี่เจ็ตสกีกลางถนนที่น้ำท่วม แล้วคลื่นไปโดนชาวบ้านที่กำลังฝ่าน้ำท่วมอยู่ ชาวบ้านโมโหจึงเข้าไปต่อยซะเก่งเละ ซึ่งก่อนหน้านั้น เก่ง ก็เพิ่งโดนถีบ จาก ส.ส. หญิง พรรคอื่น ในช่วงน้ำท่วมกรุง เช่นกัน
จาก Character ของเก่งแล้ว เป็นที่จดจำได้ง่าย ออกแนวนักเลง ที่อัดเค้าบ้าง โดนเค้าอัดบ้าง มีข่าวอยู่เรื่อยๆ
สรุป: สร้างชื่อเสียงและความโดดเด่นสำเร็จ จากการขยันทำ PR ผ่านข่าวหน้าหนึ่ง (โดยจะเป็นข่าวฉาวซะหมด ซึ่งได้รับความนิยมจากชาวบ้าน) และทำอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
อันดับที่ 9: ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ (Google: 528,000 รายการ)
คุณชูวิทย์ หรือเสี่ยอ่าง เป็นนักการเมืองที่มีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเล่นการเมืองสไตล์ใหม่ ด้วยการกำหนดจุดยืนที่ชัดเจนมาตลอด... นั้นก็คือ จอมแฉ ... นั้นเอง
ชูวิทย์เป็นที่รู้จักตั้งแต่ ปี 2546 เมื่อครั้งโดนอุ้มและถูกปล่อยตัวออกมา ปฏิบัติการเอาคืนของคนอย่างเค้าจึงเกิดขึ้น ชูวิทย์เรียกนักข่าวมาเตรียมแฉกลับเรื่องส่วยตำรวจ ผมจำได้ว่าเป็นสถิติการขึ้นหน้าหนึงของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐติดต่อกันกว่า 1 เดือน ด้วยการปล่อยอักษรย่อ วันละตัว
ต่อมาได้ ตัดสินใจลงสมัครผู้ว่า กทม. ผมจำได้อีกเช่นกัน ลีลาการหาเสียง ที่เรียกความสนใจจากนักข่าว ชาวบ้าน และวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะสอบตก แต่ก็ได้ไปถึงสามแสนกว่าเสียง
จนปัจจุบัน ก่อตั้งพรรครักประเทศไทย ได้ ส.ส. เข้าไป 4 เสียง ด้วยจุดขาย "ผมขอเป็นฝ่ายค้าน"
สรุป: ชูวิทย์กำหนดจุดยืนตัวเองได้ชัดเจนตลอด มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำแต่ละแคมเปญ ความคิดสร้างสรรเกี่ยวกับงานสื่อสาร เช่น โฆษณา ประชาสัมพันธ์ นำเสนอได้ดีเยี่ยม สุดยอดนักการตลาดคนหนึ่งในวงการการเมืองไทยครับ
อันดับที่ 8: บรรหาร ศิลปอาชา (Google: 616,000 รายการ)
คุณบรรหาร หรือหลงจู๊ (ฉายา) คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณของแบรนด์นี้กันมาก เนื่องด้วยหลายยุค หลายสมัยพรรคของคุณบรรหาร น้อยครั้งมากที่จะไม่ได้เป็นรัฐบาล จนได้รับสมญานามว่า ปลาไหล ซึ่งมาจากความลื่นไปได้เรื่อยๆ นั้นเอง คุณบรรหารสร้างสิ่งที่เรียกว่า ผลงานไว้มากมายจริงๆ ในเมืองบ้านเกิดของเค้า นั้นก็คือ สุพรรณบุรี มีทั้งถนนชั้นดี โรงเรียน โรงพยาบาล ศูนย์ท่องเที่ยว ฯลฯ
สรุป: แบรนด์คุณบรรหาร แข็งแกร่งมากในจังหวัดสุพรรณ ด้วยแนวทางการทำการตลาดแบบ Localized Marketing ยึดเอาความต้องการของคนท้องถิ้นเป็นหลัก ซึ่งก็คือ ความเจริญและความกินดีอยู่ดี ของคนในจังหวัดนั้นเอง
อันดับที่ 7: เนวิน ชิดชอบ (Google: 878,000 รายการ)
คุณเนวิน หรือฉายา "ยี่ห้อยร้อยยี่สิบ" เป็นนักการเมืองอีกคน ที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย จนมาค้นพบตัวเองเจอ และสร้างจุดยืนที่แข็งแกร่งขึ้น จนกลายเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมืองในบ้านเราด้วยระยะเวลาอันสั้น คุณเนวิน มีจุดแข็งประการหนึ่งนั้นก็คือ การเป็นคนใจถึง พึ่งได้ และกล้าได้ กล้าเสีย จนมีพรรคพวกที่พร้อมจะติดตามเกิดขึ้นมากมาย แต่สุดท้ายก็เดินทางพลาดไปกับคณะทหาร ช่วงนี้เลยต้องเงียบไป ทำทีมบอลแต่เพียงอย่างเดียว
สรุป: จริงๆ แล้ว คุณเนวินไม่ได้ขยันจะเป็นข่าว แต่ข่าวฉาวและข่าวการเมืองวิ่งเข้ามาหาเค้าเอง ในฐานะผู้มีอิทธิพลทางการเมืองคนหนึ่ง มองในมุมการตลาดแล้ว สไตล์นักเลงบ้านนอก ที่ใจถึง พึ่งได้ บางวันเป็นคนดี และบางวันก็เป็นคนเลว ยังถูกอกถูกใจชาวบ้านและสื่อซื้อไปขายอยู่ นอกจากนั้นตอนนี้คุณเนวินยังขยันทำ Localized Marketing ที่บุรีรัมย์ ผ่านสโมสรฟุตบอลซะด้วย แล้วฐานเสียงบุรีรัมย์จะหายไปได้อย่างไร
อันดับที่ 6: อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (Google: 939,000 รายการ)
คุณอภิสิทธิ์ หรือพี่มาร์ค หรือโอบามาร์ค นักการเมืองหนุ่มที่มีความเพรียบพร้อมไปทุกด้าน พาตัวเองขึ้นสู่จุดสูงสุดของอาชีพนักการเมืองด้วยตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยอายุเพียง 44 ปี จุดหนึ่งที่พี่มาร์คทำได้เสมอตนเสมอปลายนั้นก็คือ ภาพลักษณ์เรื่องนักการเมืองน้ำดี ไม่โกงกิน ทำเพื่อบ้านเมือง ว่ากันง่ายๆ มาสไตล์พระเอกช่อง 7 ที่เพรียบพร้อมจริงๆ แต่ก็มีจุดอ่อนที่ถูกโจมตีตลอดคือ ทำงานไม่เป็น ดีแต่พูด
โอบามาร์ค ในแง่มุมนักการตลาดแล้ว จัดได้ว่าเป็น Premium Brand แบบ Benz หรือ Louis Vuitton เลยทีเดียว มีภาพลักษณ์ที่ดีมาก จะเป็นกลุ่มชั้นกลางถึงบน (Medium to Upper) ที่ชื่นชอบ แต่อย่างหนึ่งที่ต้องพึงระวังก็คือ บ้านเราฐานเสียงส่วนใหญ่เป็นชั้นล่างถึงกลาง (Lower to Medium) มากกว่า เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจหาก พรรค ปชป. จะมาได้แค่นี้ เพราะในแง่การทำตลาดแล้ว ถือว่าพรรคนี้ สอบตกในทุกๆ เรื่องจริงๆ ทั้งแคมเปญหาเสียง ทั้งการสื่อสาร ไม่โดนใจชาวบ้านเลย
สรุป: คุณอภิสิทธิ์สอบผ่านในการพิสูจน์ตัวเองผ่านกาลเวลา ว่าเป็นของแท้ Premium Brand จริงๆ หาจุดบกพร่อง ด่างพร้อย แถบไม่มี เป็น Magnet หรือแม่เหล็กที่ดึงดูดสื่อได้ตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องทำงานหนักต่อ นั้นก็คือเรื่องการตลาด ที่ควรจะ Re-Branding พรรค ปชป. อย่างจริงจังซะที
อันดับที่ 5: เฉลิม อยู่บํารุง (Google: 1,850,000 รายการ)
คุณเฉลิม หรือฉายา "เป็ดเหลิม" ผู้ที่คว่ำหวอดในวงการเมืองบ้านเรามานาน มีทั้งจังหวะขึ้นสุดๆ และลงสุดๆ และกลับมาขึ้นได้อีกครั้ง ด้วยตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในปัจจุบัน
ถ้ากล่าวถึงตระกูลอยู่บำรุง คงไม่พ้นที่เป็นกระแสสังคมในอดีต เรื่องการยิงดาบยิ้มเสียชีวิต ของลูกชายสุดที่รักของคุณเฉลิม คดีนี้ทำให้ถูกสังคมประณามอย่างหนัก และทำให้อนาคตทางการเมืองของคุณเฉลิมเกือบดับวูบ
จุดแข็งของคุณเฉลิมคือ ฝีปากและคอนเน็กชั่นที่มีอยู่ ในแง่การตลาด เฉลิมมีสีสันคล้ายๆ ชูวิทย์ คือเวลาพูดแล้วมีคนอยากฟัง มีคนสนใจ ด้วยลีลาและท่าทาง
สรุป: คุณเฉลิม สามารถเรียกร้องความสนใจจากสื่อมวลชนและสังคมได้อยู่ตลอดเวลา แต่จุดที่ต้องระวังคือ เรื่องครอบครัวที่ไม่ควรผลักดันให้เข้ามาทำงานการเมือง เพราะกระแสสังคมจะตีกลับอยู่ตลอดเวลา จะทำให้ภาพลักษณ์ดูแย่ ถึงแย่ที่สุด จนกู่ไม่กลับ (จากปัจจุบันที่คน ยี้ กันทั้งบ้านทั้งเมืองอยู่แล้ว)
อันดับที่ 4: ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (Google: 6,620,000 รายการ)
คุณยิ่งลักษณ์หรือ นายกปู จัดได้ว่าเป็น Mass Brand ที่ดูดี คล้ายๆ กับเป็ปซี่ คือสามารถเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกระดับ และคนทุกระดับเอื้อมถึง จับต้องได้ จึงไม่แปลกที่กระแสนายกปู จะกระแสแรงไม่หยุด
นายกปู จริงๆ แล้ว ถือว่าเป็นนางเอกที่เล่นตามสคริปได้ดีมาก ทุกอย่างเป๊ะตามบทผู้กำกับตลอด และต้องยกนิ้วให้ในความอดทนจริงๆ ต่อให้โดนขนาดไหน ก็ยังเงียบ ยังทนได้ บทแบบนางเอกดาวพระศุกร์จริงๆ แบบนี้จะไม่ให้ชาวบ้าน รักได้อย่างไร คนไทยออกจะขี้สงสาร
สรุป: นายกปู ยังไปได้อีกไกลในอนาคตข้างหน้า ถ้าใช้ศัพท์การตลาดก็จัดเป็น Rising Star Product เลยทีเดียว ขอให้ทำงานเพื่อประเทศชาติจริงๆ มีผลงาน รับรองจะให้เลือกอีกกี่ครั้ง นายกปู ก็ได้
อันดับที่ 3: ทักษิณ ชินวัตร (Google: 12,200,000 รายการ)
ทักษิณชื่อที่มีคนรักและคนเกลียด อยู่ทั่วประเทศ คุณทักษิณถือว่าเป็นเจ้าพ่อการตลาดระดับโคตรเซียนจริงๆ ตลอดระยะเวลาที่เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2544 จนถึงโดนปฏิวัติปี 2549 จนปัจจุบันปี 2555 ชื่อของเค้าไม่เคยจางหายไปไหน มีอยู่ในกระแสตลอดทั้งสื่อภายในและสื่อภายนอกประเทศ
ทักษิณพาตัวเอง ถึงจุดที่เรียกได้ว่า เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีสื่อต่างประเทศระดับหัวกะทิมากมายมาสัมภาษณ์้เค้าเช่น TIME, CNN, BBC, etc.
ซึ่งในแง่การตลาดแล้ว วันนี้แบรนด์ทักษิณเปรียบเหมือนแบรนด์แหนมป้าย่น คนต่างจังหวัด ชาวบ้านชอบ คนเมืองบางคนชอบ แต่ไม่กล้าแสดงออก และคนเมืองบางคน ไม่ชอบและไม่แม้แต่จะลองทาน
สรุป: คุณทักษิณไม่ต้องพูดกันเยอะ เรื่องกลยุทธ์การตลาด เรื่องการสื่อสารการตลาด จัดให้เป็นตัวพ่อจริงๆ ยิ่งไปว่านั้น เค้าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการกำเนิดคณะมวลชนที่เรียกว่า เสื้อเหลืองและเสื้อแดงอีกด้วย
อันดับที่ 2: เสื้อแดง (Google: 20,100,000 รายการ)
มวลชนคนเสื้อแดงเป็นการรวมตัวกันของคน ที่ต้องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อทักษิณ และเพื่ออื่นๆ ตามที่มุ่งหวัง ปัจจุบันจุดยืนของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชัดเจนคือ การปฏิรูปเพื่อให้เกิดประชาธิปไตยจริงๆ ซึ่งนั้นคือสิ่งที่พวกเค้าประกาศ แต่ส่วนที่มากกว่านั้น ก็ต้องรอดูกันต่อไป
มวลชนเป้าหมายของคนเสื้อแดงจะเป็นชาวต่างจังหวัด ที่อยู่ในระดับล่างถึงกลาง (Low to Middle Class) โดยคนเหล่านี้ ถ้าพูดกันตรงๆ คือจะถูกชักจูงได้ง่าย จากเรื่องเงินหรืออุดมการณ์เรื่องการกินอยู่ที่ดีขึ้นในอนาคต
แต่นอกจากมวลชนแล้ว เสื้อแดงยังมีกลุ่มคนระดับปัญญาชนที่คอยขับเคลื่อนแนวความคิดอยู่ และมีแกนนำที่ดูเข้ากับฐานมวลชนได้เป็นอย่างดี
สรุป: เสื้อแดงยังจะคงอยู่ต่อไป ตราบเท่าที่คุณทักษิณยังอยู่ เพราะการจะก้าวข้ามคุณทักษิณนั้นเป็นไปได้ยากมาก การตลาดโดยรวมของคนเสื้อแดง ก็จัดได้ว่าขั้นเทพ เพราะเต็มไปด้วยสื่อแบบ Mass (Cable TV, หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร) รวมถึงสื่อแบบ Below The Line (การจัด Event ที่โบนันซ่า และคอนเสิร์ตตามจังหวัดเป้าหมายต่าง) อยู่ตลอด เล่นกันแบบกระแสแรงดี ไม่มีตก เพราะเงินถึง อิอิ
อันดับที่ 1: เสื้อเหลือง (Google: 23,600,000 รายการ)
เสื้อเหลืองคือ มหากาพย์แห่งการเมืองข้างถนนของจริง เสื้อเหลืองเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนระดับกลางถึงสูง (Middle to High Class) ซึ่งมาลงแขกสามัคคีกัน ช่วงแรกในนามคนไม่เอาทักษิณ ต่อมาก็ขยายแนวร่วมออกจนกลายเป็นกองทัพพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่
ด้วยความที่เป็นม็อบมีเส้นด้วย ทำอะไรไม่ผิด คนเลยร่วมวงกันเยอะ ผลงานเพียบคือ ล้มมาแล้ว 3 รัฐบาลของคุณทักษิณ แต่ปัจจุบันด้วยแกนนำ ที่เดินเกมผิดพลาด ออกนอกลู่นอกทาง ไปตั้งพรรคเองบ้าง (ลงเลือกตั้งก็ไม่มีใครเลือก จนถึงมารณรงค์ No Vote) หรือเงียบๆ เก็บตัวกันไปบ้าง ทำให้พลังแผ่วลงจนหน้าใจหาย
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดเหตุจริงๆ เสื้อเหลืองแท้ (คนที่รักและเถิดถูนสถาบัน) ก็น่าจะรวมตัวกันได้ และเกิดพลังที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง เพราะส่วนใหญ่เป็นพลังแท้ ที่ไม่ได้ใช้เงินซื้อมา
สรุป: เสื้อเหลืองจัดว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของการทำตลาดแบบ Attraction Marketing หรือการตลาดแบบดึงดูด ซึ่งดึงดูดผู้คนด้วยหลักการ อุดมการณ์ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายจริงๆ ก็เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ จึงสามารถแยกแยะถูกผิด เหตุผลต่างๆ ได้เองเป็นอย่างดี และตัดสินใจเข้าร่วมเอง ... จึงเป็นการตลาดแบบ Attraction จริงๆ ซึ่งถ้าโตต่อด้วย Viral Marketing แล้วละก็ จะสร้างกระแส สร้าง Trend ได้อย่างมหาศาล แบบหลักหมื่น หลักแสนคน ได้จริงๆ
.
.
.
สุดท้ายการเมืองไทย ดูไปก็เหมือนละคร ใครแสดงได้โดนใจชาวบ้านมากกว่า คนนั้นก็ได้เสียงไปครอบครอง เพราะฉะนั้นถ้าจะมองกันอย่างนักการตลาดจริงๆ แล้วละก็ วันนี้และวันข้างหน้า หากนักการเมืองท่านใด ไม่สามารถสร้างชื่อเสียง จุดยืน กลุ่มเป้าหมาย พื้นที่ทางการตลาด และแบรนด์ ได้แล้วละก็ ถ้าจะไปต่อในระยะยาวยากครับ จะมีแต่เปลื้องตังค์และหมดตัวอย่างเดียว เชื่อผมสิ
Wikran M.
Wikran M.
ติดตามบทความของผมต่อได้ทุกวันที่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น