วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558

10 ข้อ... Marketing Mindset ที่นักการตลาดควรมี !!!

วันนี้เราจะมาดูกันเรื่อง Marketing Mindset... 10 ข้อที่นักการตลาดควรมีกันครับ

*Mindset = ความคิดและความเชื่อที่ส่งผลต่อการกระทำ

Mindset การตลาดที่ดี... ส่งผลต่อการทำตลาดให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเป็นอย่างมาก มาดูกัน

1.) "การตลาดเป็นแนวคิดที่ใช้ในการตอบโจทย์ธุรกิจเป็นสำคัญ"
หากทำตลาดไป เช่น สร้างแบรนด์ ทำโฆษณา ทำโปรโมชั่น จัดกิจกรรม ทำวิจัยการตลาด วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ทำตลาดดิจิตอล เป็นต้น แต่ตอบไม่ได้ว่า สิ่งที่เราทำไปนั้น ไปช่วยธุรกิจของเราได้อย่างไร สัมพันธ์กันอย่างไร ตอบโจทย์ธุรกิจข้อไหน อย่างไร... อย่างนี้ ก็อาจหาประโยชน์ได้ยากจากการทำตลาดนั้น เพราะฉะนั้นทำการตลาดทุกครั้งต้องตอบโจทย์ธุรกิจ เช่น ยอดขายและกำไร จะแบบระยะสั้นหรือแบบระยะยาวก็ต้อง "ระบุโจทย์ให้ชัดเจน" ครับ

2.) "การตลาดไม่ใช่การขาย แต่การตลาดคือการทำให้เกิดการซื้อ"
บ่อยครั้งที่หลายคนสับสนว่า การตลาดคือการขาย ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ครับ แต่กล่าวได้ว่า แนวคิดการตลาดพัฒนามาจากแนวคิดการขายได้ครับ การขายเน้นที่ "การผลัก (Push)" - พยายามผลักสินค้าออกไปที่มือลูกค้าจนขายได้ แต่การตลาดเน้นที่ "การดึง (Pull)" - พยายามดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อด้วยตัวของพวกเค้าเอง... ดังนั้นวิธีคิดและวิธีทำระหว่างการตลาดและการขายจึงแตกต่างกันค่อนข้างมาก ซึ่งการตลาดต้องตั้งคำถามเสมอว่า "ทำอย่างไรลูกค้าจึงจะซื้อ" ครับ

3.) "การตลาดเป็นแนวคิดที่ให้ความสำคัญมากที่สุดกับคำว่า ลูกค้า"
ลูกค้าคือ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดแนวคิดการตลาดที่ใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจขึ้น ตั้งแต่ "การระบุลูกค้าที่คาดหวัง" ว่าจะมาซื้อคือใคร (กลุ่มเป้าหมาย) "การดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย" นั้นให้รู้จัก สนใจ เกิดปฏิสัมพันธ์ และนำมาสู่จุดขาย (P.O.S, Point of Sales) "การสร้างประสบการณ์ที่ดี" ณ จุดขาย (CEM, Customer Experience Management) จนนำไปสู่ "การซื้อ" และ "การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า" ให้กลับมาซื้อซ้ำ ไม่ไปซื้อแบรนด์อื่น และบอกต่อแบรนด์ในมุมที่ดี (CRM, Customer Relationship Management)... ซึ่งการตลาดต้องดูครอบคลุมทุกมิติ ทั้งก่อนซื้อ ระหว่างซื้อ และหลังซื้อครับ

4.) "การตลาดคือ เรื่องราวของการตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยสร้างยอดขายและกำไรบนความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก"
Key Words 3 คำของการตลาดไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหนก็ตามก็คือ "ลูกค้า" "ความต้องการของลูกค้า" และ "การตอบสนองของบริษัท" โดย 3 คำนี้นำมาซึ่งหลักการตลาดมากมายให้ได้เรียนรู้กัน เช่น การวิเคราะห์ตลาด การวิเคราะห์ลูกค้า การระบุกลุ่มเป้าหมาย การทำวิจัยหาความต้องการเชิงกว้างและลึกของกลุ่มเป้าหมาย การตอบสนองด้วยการสร้างคุณค่าเช่น จุดยืน แบรนด์ ส่วนผสมการตลาด และนำเสนอคุณค่านั้นออกไปสู่กลุ่มเป้าหมายเช่น การสื่อสารการตลาดต่างๆ เป็นต้น... แต่หลักการทั้งหมดที่ศึกษา วางแผน และลงมือทำไป ต้องวกกลับมาสู่ยอดขายและกำไรได้แบบที่ลูกค้ายินดี เต็มใจ พึงพอใจ ไม่ใช่ไปหลอกลวงหรือแกมบังคับให้ลูกค้าซื้อครับ เพราะมันไม่เหมาะสมและจะส่งผลเสียในระยะยาวแน่นอน

5.) "การตลาดเป็นแนวคิดที่ต้องผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ เมื่อนำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้ในการทำตลาด"
ศาสตร์คือ "วิทยาศาสตร์" ใช้ข้อมูล ใช้ข้อเท็จจริง ใช้หลักการ ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ คิดเป็นขั้นเป็นตอน พิสูจน์ความคิดได้ และศิลป์คือ "ศิลปะ" ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ใช้จินตนาการ ใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ... ซึ่งนักการตลาดจะใช้ศาสตร์นำแล้วศิลป์ตาม หรือศิลป์นำแล้วศาสตร์ตามก็เป็นได้ทั้ง 2 แบบ สำคัญที่ต้องใช้ผสมผสานกันเสมอ เช่น... หากใช้ศิลป์นำ มีความคิดสร้างสรรค์บรรเจิดมากอยากทำ ลานหิมะเทียมที่หาดใหญ่ ก็คิดได้ แต่ต้องใช้ศาสตร์ตามอีกที ด้วยการทำวิจัย ทำแบบสอบถามว่า นักท่องเที่ยวและคนหาดใหญ่ว่าต้องการหรือไม่ เพื่อเป็นการกรองอีกทีว่า ความคิดนั้นเป็นไปได้ขนาดไหน ถูกจังหวะหรือไม่... หรือหากใช้ศาสตร์นำ วิเคราะห์เทรนด์ตลาดมาแล้วว่า การทำ Digital Marketing จำเป็นต้องทำ เพื่อดึงดูดลูกค้าในยุคปัจจุบันนี้ ศิลป์จะมาเป็นตัวสร้างแรงดึงดูดด้วยความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ที่แตกต่างและมีสีสัน... กล่าวได้ว่า หากเปรียบเทียบการตลาดเป็นอาหารจานเด็ดที่ทำให้ผู้คนติดใจ ศาสตร์เปรียบได้กับวัตถุดิบและสูตรทำอาหาร ศิลป์เปรียบได้กับเครื่องปรุงรสและหน้าตาอาหาร ที่เชฟนักการตลาดต้องทำจานเด็ดนี้ออกมา โดยใช้ศาสตร์ วัตถุดิบที่มีคุณภาพ สูตรอาหารที่ถูกต้องเหมาะสมเป็นขั้นเป็นตอน และใช้ศิลป์ การปรุงรสให้แตกต่างมีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง การตกแต่งหน้าตาอาหารให้ดูน่าทานมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเช่นกัน

6.) "การตลาดควรวางแผนก่อนลงมือทำ ไม่ควรลงมือทำโดยปราศจากการวางแผน"
การวางแผนการตลาดประกอบด้วย 5 ขั้นตอนสำคัญคือ "การวิเคราะห์สถานการณ์ การตั้งวัตถุประสงค์ การกำหนดกลยุทธ์ การวางแผนดำเนินงาน และการกำหนดเกณฑ์การประเมินผล"... ซึ่งจาก 5 ขั้นตอนนี้ทำให้เรารู้ว่า (1.) เราทำการตลาดนี้เพราะอะไร - การหาข้อมูล การวิเคราะห์สถานการณ์ (2.) เราทำการตลาดนี้ไปเพื่ออะไร โจทย์การตลาดคืออะไร - การตั้งวัตถุประสงค์ (3.) เราคิดว่าอะไรคือสิ่งสำคัญ (Key Ideas) ที่ต้องทำเพื่อตอบโจทย์การตลาดนี้ - การกำหนดกลยุทธ์ (4.) เราจะแปลงกลยุทธ์ที่กำหนดมานี้ให้เป็นจริงได้ต้องทำอะไรบ้าง (What) อย่างไร (How) ใครทำ (Who) เมื่อไหร่ (When) และเท่าไหร่ (How much) - การวางแผนดำเนินการ (งาน-คน-เวลา-งบประมาณ) (5.) เราจะวัดผลการทำตลาดนี้อย่างไร - การกำหนดเกณฑ์การประเมินผล... ซึ่งการวางแผนการตลาดที่ดี จะช่วยลดข้อผิดพลาดต่างๆ จากการลงมือทำตลาดได้ ช่วยทำให้การทำตลาดมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล... แต่ก็ต้องระวังไว้ด้วยว่า "ถึงแม้แผนจะดีมาก แต่ถ้าทำไม่ได้ตามแผน แผนนั้นย่อมหาประโยชน์อะไรได้ยากครับ"

7.) "วางแผนการตลาดดีแล้ว ทำได้ตามแผนแล้ว แต่ผลลัพธ์ไม่ได้ตอบโจทย์การตลาดและธุรกิจ อย่าหน่ายที่จะปรับแผนและลงมือทำใหม่อีกครั้งจนกว่าจะตอบโจทย์ได้อย่างแท้จริง"
หลายครั้งที่ทำตลาดไปแล้วตามแผน แต่ไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดหวัง สิ่งแรกที่ต้องทำคือ "หาปัญหา/ประเด็นหลัก (Key Issues)" ให้เจอว่าคืออะไร ซึ่งเป็นไปได้หลายอย่าง ทั้งสถานการณ์เปลี่ยน คู่แข่งตอบโต้ วางกลยุทธ์ผิดพลาด คนที่รับผิดชอบอาจไม่เข้าใจทำไม่เป็น งบประมาณไม่พอ ผู้บริโภคไม่ตอบรับ กระแสสังคมไม่ดี เป็นต้น... ต้องหาให้เจอ และแก้ให้ตรงจุด อย่าเกาผิดที่คันครับ ซึ่งหากมั่นใจว่าเจอ Key Issues แล้ว ถ้าระดับไม่รุนแรงก็เพียงยืดหยุ่นในแผนดำเนินงาน แต่ถ้าหากรุนแรงก็ต้องปรับทั้งแผนกลยุทธ์เลยครับ... สิ่งสำคัญคือ ความเร็วในการตอบสนองต่อปัญหาที่พบเจอ อย่าปล่อยให้เนิ่นนานจนส่งผลเสียหายต่อธุรกิจครับ

8.) "การทำตลาดภายนอก-ลูกค้าว่าสำคัญแล้ว แต่การทำตลาดภายใน-ทีมงาน หน่วยงานและผู้บริหารในบริษัทนั้นสำคัญยิ่งกว่า"
การตลาดจะประสบความสำเร็จได้ แน่นอนว่า ปัจจัยสำคัญคือเรื่อง "คน" ซึ่งก็คือ ความเข้าใจและการสนับสนุนจากผู้บริหาร การให้ความร่วมมือจากหน่วยงานอื่น และทีมงานที่มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และทักษะที่ช่วยเสริมกัน... ซึ่งทีมงานการตลาดควรมีทักษะที่หลากหลาย เช่น คนนี้เก่งวิเคราะห์ คนนี้เก่งความคิดสร้างสรรค์ คนนี้เก่งการประสานงานติดตามงาน คนนี้เก่งการนำทีม คุมทีม กระตุ้นทีม เป็นต้น เวลาคิดแผน ทำตลาด ผลจะออกมาดี เพราะไม่มีใครเก่งได้ทุกเรื่องทุกทางในงานการตลาด ต้องช่วยเสริมกันครับ... หากทำ "การตลาดภายใน" ได้ดี ทุกคนช่วยกัน การตลาดของบริษัทนั้นย่อมออกมาดีแน่นอน แต่ถ้าการตลาดภายในยังทำได้ไม่ดี ไม่เข้าใจกัน คอยขัดกัน แน่นอนครับว่า มันจะยากมากที่จะทำตลาดภายนอกได้สำเร็จ เพราะจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นเยอะมาก ควบคุมได้ยาก และส่งผลให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีอย่างที่คาดหวังไว้... ซึ่งนักการตลาดต้องระวังเรื่องนี้ไว้ให้ดีครับ กับการตลาดภายในบริษัท

9.) "การตลาดประกอบด้วย 5 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการทำตลาดเสมอ คือ คน ข้อมูล ระบบ เงิน และเวลา"
"คน" ในที่นี้ หมายถึง ทีมตลาดที่มีความรู้ ความสามารถ และทักษะที่หลากลายประกอบเข้าด้วยกัน และผู้บริหารและหน่วยงานอื่นให้การสนับสนุน "ข้อมูล" หมายถึง ข้อมูลสำคัญที่ต้องมีมากพอที่ใช้ประกอบการตัดสินใจ "ระบบ" ในที่นี้ หมายถึง ขั้นตอนภายในที่ชัดเจนรวดเร็ว และมีเทคโนโลยีที่มาช่วยในการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ เกิดความสะดวก "เงิน" หมายถึง งบประมาณการตลาดที่เหมาะสม และ "เวลา" หมายถึง ระยะเวลาที่เพียงพอต่อการทำตลาดให้ติด... อย่าแปลกใจครับ หากทำตลาดไปแล้ว ไม่ถึง ไม่ติด ไม่ดี ไม่ประสบความสำเร็จ สาเหตุหลักๆ ก็มาจากการที่เราขาดปัจจัยสำคัญอย่างใดอย่างหนึ่งไปครับ ซึ่งจะทำให้เราทำตลาดนั้นได้ตามสภาพ แต่อาจขาดพลังในการขับเคลื่อนให้ทำตลาดได้ประสบความสำเร็จครับ

10.) "หลักการ ทฤษฏี ความสำเร็จของการตลาดในอดีต อาจไม่ได้ผลในปัจจุบันและอนาคต ดังนั้นอย่ายึดติดกับอดีตมากนัก ควรเน้นอยู่กับปัจจุบัน และมองโอกาสในอนาคตเสมอ"
ความน่าสนใจมากที่สุดของการตลาดก็คือ การตลาดไม่มีรูปแบบที่ตายตัว ไม่มีถูกไม่มีผิดแบบ 100% และการตลาดมักเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีครับ... ดังนั้นนักการตลาดจึงต้องอัพเดทตนเองอยู่เสมอ และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน โดยเฉพาะยุคนี้ที่เข้าสู่ยุค "Marketing 3.0" แนวคิด และรูปแบบการตลาดได้เปลี่ยนไปมาก กล่าวได้ว่า เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อผู้คนเข้าหากัน โดยเฉพาะ "Social Network" คือ แรงขับเคลื่อนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนี้ครับ... ใครที่เปลี่ยนแปลงย่อมอยู่รอด แต่ใครที่ไม่เปลี่ยนแปลงย่อมอยู่ยาก ซึ่งเป็น "สัจธรรมธุรกิจและการตลาด" สำหรับทุกยุคทุกสมัยครับ

ก็ครบถ้วนทั้ง 10 ข้อนะครับ สำหรับ Marketing Mindset... ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า Mindset การตลาดนี้จะช่วยจุดประกายความคิดการตลาดที่มีประสิทธิภาพและประสทิธิผล เหมาะสม และถูกทางให้กับทุกท่านได้ และสุดท้ายนี้ผมฝากไว้ว่า... "ผลลัพธ์ที่ดีจะเกิดขึ้นได้จากการกระทำ (Action) และการกระทำที่ใช่ตอบโจทย์ธุรกิจและการตลาด ก็เกิดจากความคิดและความเชื่อ (Mindset) ที่ดีเหมาะสม" ครับ ^^

Wikran M.


ติดตามบทความได้ทุกวันที่... 

1 ความคิดเห็น: